กรดไหลย้อนคืออะไร? และทำไมวัยทองถึงเสี่ยงกับอาการนี้

“กรดไหลย้อน” เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในกลุ่มคนวัยทอง โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนที่แทรกเข้ามาพร้อมกัน จึงทำให้อาการกรดไหลย้อนจึงมักถูกมองข้ามอยู่เสมอมา และไม่ได้รับการปรับปรุงหรือแก้ไขให้ดีขึ้น

เชื่อหรือไม่คุณผู้อ่าน? อาการกรดไหลย้อนเปรียบเสมือนการทรยศของร่างกายต่อตัวเรา เพราะจะเกิดขึ้นเมื่อหูรูดกระเพาะอาหารทำงานบกพร่อง ส่งผลทำให้กรดที่มีความเป็นกรดสูงในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นสู่หลอดอาหาร สร้างความระคายเคืองและความไม่สบายที่น่าหงุดหงิดให้กับวัยทองนั่นเอง ยิ่งในช่วงวัย 45 – 60 ปี ที่ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาที่ซับซ้อน เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทอง ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน การสะสมไขมัน และการลดลงของประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดกรดไหลย้อน และยิ่งหน้าร้อนแบบนี้ อุณหภูมิที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภค และความเครียดจากสภาพอากาศ ล้วนเป็นตัวเร่งที่ทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบมากขึ้นในวัยทองนั่นเอง

สาเหตุหลักของการเกิดการกรดไหลย้อนในวัยทอง

  1. การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน วัยทองเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนอย่างมาก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบย่อยอาหารและการทำงานของหูรูดกระเพาะอาหาร
    • การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยทอง
    • การเสื่อมสมรรถภาพของกล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะอาหาร
    • การเปลี่ยนแปลงของระบบย่อยอาหารตามวัย
  1. น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทอง จึงมีการสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากขึ้น ทำให้กดทับกระเพาะอาหาร จึงยิ่งเพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรดในร่างกาย
  1. พฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารมื้อใหญ่ การรับประทานอาหารดึก และการกินอาหารรสจัด เป็นปัจจัยชั้นเยี่ยมในการกระตุ้นกรดไหลย้อนที่สำคัญ
    • รับประทานอาหารมื้อใหญ่
    • รับประทานอาหารก่อนนอนไม่นาน
    • ความเครียดสูง
    • ขาดการออกกำลังกาย
    • น้ำหนักเกิน

วัยทองรู้ไว้! สัญญาณและอาการของกรดไหลย้อน

1. แสบร้อนบริเวณทรวงอก

หากคุณผู้อ่านที่เป็นวัยทองมีอาการแสบร้อนบริเวณทรวงอก นี่คือลักษณะของอาการที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรดไหลย้อน โดยความรู้สึกแสบร้อนนี้เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นสู่หลอดอาหารนั่นเอง

  • วัยทองจะมีความรู้สึกคล้ายไฟลวก หรือรู้สึกความร้อนบริเวณใต้กระดูกอก
  • อาการกรดไหลย้อยมักกำเริบหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารมื้อใหญ่หรืออาหารรสจัด
  • ความรุนแรงของอาการกรดไหลย้อนมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล วัยทองบางคนอาจรู้สึกเพียงเล็กน้อย แต่บางคนอาจรู้สึกปวดแสบรุนแรง

2. ปวดบริเวณหน้าอกหลังรับประทานอาหาร

นอกจากอาการแสบร้อนบริเวณทรวงอกที่ทำให้ทราบถึงอาการไหลย้อนแล้ว หากวัยทองมีความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกที่เกิดหลังรับประทานอาหาร ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญไม่แพ้กัน

  • วัยทองมีอาการปวดอาจคล้ายกับอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจ จึงแนะนำว่าวัยทองควรสังเกตอย่างระมัดระวัง และมีการตรวจสุขภาพอยู่เสมอ
  • ความปวดมักเกิดขึ้นเมื่อนอนราบหรือก้มตัว
  • วัยทองจะมีความรู้สึกว่าเมื่อนั่งตัวตรงหรือยืน อาการจะดีขึ้น

3. รสเปรี้ยวหรือขมย้อนขึ้นมาในปาก

การรับรู้รสเปรี้ยวหรือขมในปากของวัยทอง ก็เป็นอาการที่สามารถบอกได้ว่ากรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาถึงลำคอได้เช่นเดียวกัน

  • เกิดจากกรดและอาหารที่ถูกย่อยแล้วไหลย้อนขึ้นมา
  • อาจทำให้วัยทองเกิดความรู้สึกไม่สบายในคอและปาก
  • บางครั้งอาจมีกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ร่วมด้วย

4. อาการแน่นหน้าอก

วัยทองจะมีความรู้สึกและรับรู้ได้ถึงอาการแน่นหรือหนักบริเวณหน้าอก ซึ่งอาการนี้นับเป็นอาการที่บ่งชี้ถึงกรดไหลย้อน และพบได้บ่อย

  • วัยทองจะมีความรู้สึกคล้ายว่ามีสิ่งกดทับ หรือมีความตึงบริเวณทรวงอก
  • อาการนี้อาจสร้างความสับสนให้กับอาการของโรคหัวใจสำหรับวัยทองที่เป็นได้ง่าย
  • เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหาร หรือในช่วงเวลานอน

5. ไอเรื้อรัง

หากวัยทองท่านใดมีอาการไอที่ยังไม่หายและดำเนินต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน นี่ก็อาจเป็นผลจากอาการกรดไหลย้อนที่วัยทองพบเจอ ก็เป็นได้…

  • กรดที่ไหลย้อนจะขึ้นมาถึงลำคอ ทำให้เกิดการระคายเคือง
  • วัยทองมักจะไอมากยิ่งขึ้นในตอนกลางคืน หรือเมื่อนอนราบ
  • อาจสัมพันธ์กับโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้ได้

6. เสียงแหบ

นอกจากอาการทั้ง 5 ข้อ ก่อนหน้านี้ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าคุณอาจมีอาการกรดไหลย้อน การเปลี่ยนแปลงของเสียงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่น่าสังเกตว่าคุณอาจเป็นได้เช่นเดียวกัน

  • เกิดจากกรดไหลย้อนไประคายเคืองเส้นเสียง
  • เสียงของวัยทองจะฟังดูแหบแห้ง หรือเปลี่ยนไปจากเดิม
  • อาจส่งผลกระทบต่อการสื่อสารและคุณภาพเสียง

อาการรุนแรงที่ควรพบแพทย์ทันที หากวัยทองมีอาการกรดไหลย้อน

1. เจ็บหน้าอกรุนแรงและผิดปกติ

  • เจ็บหน้าอกแบบเฉียบพลัน คล้ายถูกบีบรัด
  • ปวดแบบทะลุทะลวงไปยังไหล่หรือแขน
  • เจ็บหน้าอกร่วมกับอาการเหงื่อออก หน้ามืด วิงเวียน
  • อาการเจ็บที่ไม่เหมือนกรดไหลย้อนปกติ

2. ความผิดปกติในการกลืน

  • กลืนอาหารหรือน้ำลำบาก มีอาการติดขัด
  • รู้สึกเหมือนมีสิ่งอุดกั้นบริเวณคอหอย
  • ปวดหรือรู้สึกเจ็บเวลากลืน
  • มีอาการกลืนลำบากที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

3. อาการเลือดออกผิดปกติ

  • อาเจียนมีเลือดปน สีแดงสดหรือคล้ายตะกอนกาแฟ
  • ถ่ายอุจจาระดำ
  • มีเลือดออกจากทางเดินอาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ

4. การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักที่ผิดปกติ

  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วและไม่ทราบสาเหตุ
  • การสูญเสียน้ำหนักมากกว่า 5 – 10% ในระยะเวลาสั้น
  • ร่วมกับการเบื่ออาหารและความอ่อนเพลีย

5. อาการทางระบบทางเดินหายใจ

  • ไอเรื้อรังที่ไม่หายไป
  • หอบเหนื่อยโดยไม่มีสาเหตุ
  • เสียงแหบที่ดำเนินต่อเนื่องเกิน 2 – 3 สัปดาห์
  • มีเสมหะปนเลือด

6. อาการทางระบบประสาท

  • ปวดศีรษะรุนแรงร่วมกับอาการกรดไหลย้อน
  • มีอาการวิงเวียน หรือเวียนหัวบ่อยครั้ง
  • ชาตามแขนหรือขา
  • การทรงตัวผิดปกติ

ผลกระทบของอาการกรดไหลย้อน วัยทองอย่าปล่อยทิ้งไว้!!

หากคุณผู้อ่านมีอาการของกรดไหลย้อน และไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมนั้น ผลกระทบของอาการดังกล่าวมีความรุนแรงและซับซ้อนมากกว่าที่วัยทองหลายคนคิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพระยะยาวเลยก็เป็นได้

การที่วัยทองปล่อยปละละเลยอาการกรดไหลย้อน โดยไม่เข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลายประการ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อระบบทางเดินอาหารและระบบการหายใจ

ผลกระทบต่อหลอดอาหาร 

กรดจากกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จะทำลายเยื่อบุหลอดอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป นำไปสู่ปัญหาร้ายแรงที่วัยทองอาจพบเจอ ได้แก่…

  1. แผลในหลอดอาหาร กรดที่ไหลย้อนจะกัดกร่อนเยื่อบุหลอดอาหาร ทำให้เกิดแผลเปิดที่เจ็บปวดและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
  2. หลอดอาหารตีบแคบ เมื่อเยื่อบุหลอดอาหารถูกทำลายซ้ำๆ จะเกิดการสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น ส่งผลให้หลอดอาหารแคบลงและการกลืนอาหารเป็นไปด้วยความยากลำบาก
  3. มะเร็งหลอดอาหาร ภาวะกรดไหลย้อนเรื้อรังจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะแผลเป็นในหลอดอาหารเรื้อรัง

ผลกระทบต่อระบบการหายใจ 

กรดไหลย้อนยังส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการที่วัยทองอาจพบเจอได้ ดังนี้…

  1. โรคหอบหืด กรดที่ไหลย้อนขึ้นไปในทางเดินหายใจอาจกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดหรือทำให้อาการกำเริบมากขึ้น
  2. การติดเชื้อทางเดินหายใจ เมื่อกรดไหลย้อนเข้าสู่ปอด อาจก่อให้เกิดการอักเสบและเพิ่มโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
  3. อาการไอเรื้อรัง ผู้ป่วยอาจประสบปัญหาไอเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเป็นผลมาจากการระคายเคืองของกรดในระบบทางเดินหายใจ

จัดการกรดไหลย้อนในหน้าร้อนให้อยู่หมัดแบบฉบับชาววัยทอง กับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

ช่วงหน้าร้อน เป็นอีกช่วงเวลาที่วัยทองที่มีอาการกรดไหลย้อนต้องคอยระแวดระวังการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและวิถีชีวิต ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบย่อยอาหารและการทำงานของร่างกาย 

ลองมาดูวิธีการที่สามารถช่วยบรรเทาอาการ ซึ่งนอกจากจะปรับเปลี่ยนให้อาการดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วย

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

1. อาหารทอดและมีไขมันสูง

เรียกว่าเป็นกลุ่มอาหารที่หาซื้อได้ง่ายตามตลาดทั่วไป และวัยทองทุกท่านชอบทาน แต่อาหารประเภทนี้จะกระตุ้นการผลิตกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น และทำให้หูรูดกระเพาะอาหารทำงานบกพร่อง ส่งผลให้วัยทองเกิดกรดไหลย้อนได้ง่าย เช่น

  • ไก่ทอด
  • ปลาทอด
  • อาหารฟาสต์ฟู้ด
  • ของทอดมัน

2. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

อีกหนึ่งเมนูน้ำยอดฮิตที่วัยทองหลายท่านต้องทานนช่วงเช้ากับกาแฟนั่นเอง ในกาแฟมีคาเฟอีนจะไปกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร และลดความดันของหูรูดกระเพาะอาหาร ทำให้เสี่ยงต่อกรดไหลย้อนมากขึ้น นอกจากกาแฟแล้วก็ยังมี…

  • ชาดำ
  • เครื่องดื่มชูกำลัง
  • โซดา

3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

วัยทองหลายท่านอาจไม่ทราบว่า “แอลกอฮอล์” มีผลโดยตรงต่อการทำงานของหูรูดกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้กรดไหลย้อนได้ง่าย รวมถึงระคายเคืองผนังหลอดอาหาร จีงแนะนำอยากให้วัยทองเลิกดื่มเหล้า 11:01/68

4. อาหารรสจัด เผ็ดมาก

วัยทองท่านใดที่ชอบทานอาหารรสเผ็ด อาหารรสจัด สิ่งเหล่านี้ก็สามารถจะกระตุ้นการหลั่งกรดและระคายเคืองผนังหลอดอาหาร และอาจนำไปสู่อาการกรดไหลย้อนได้เช่นกัน 

  • ต้มยำ
  • แกงเผ็ด
  • พริกขี้หนูสด
  • มาม่าเกาหลี

อาหารแนะนำสำหรับวัยทองที่มีอาการกรดไหลย้อน

มีกลุ่มประเภทอาหารที่วัยทองควรหลีกเลี่ยงการนำไปสู่อาการกรดไหลย้อนได้แล้ว ต่อมาเราลองมาหาคำตอบกันต่อ แล้วกลุ่มอาหารประเภทใดบ้าง? ที่จะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนที่อาจเกิดขึ้นกับวัยทองได้บ้าง…

1. ผักสดและผลไม้ที่มีน้ำสูง

  • แตงกวา แตงกวาเป็นผักที่มีน้ำประกอบสูงถึง 95% สามารถช่วยในระบายความร้อนและฟื้นฟูระบบย่อยอาหารของวัยทองได้เป็นอย่างดี เพราะมีกรดน้อย จึงช่วยลดการระคายเคืองของหลอดอาหาร นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
  • องุ่น องุ่นเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องเยื่อบุหลอดอาหารของวัยทอง
  • แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง จึงสามารถช่วยดูดซับกรดในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี และมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลกรด – ด่าง จึงช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองที่อาจนำไปสู่อาการกรดไหลย้อนของวัยทองได้
  • แตงโม แตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำมากกว่า 90% จึงช่วยระบายความร้อน ลดการอักเสบ และช่วยในการย่อยอาหาร มีกรดน้อย เหมาะสำหรับวัยทองที่มีปัญหากรดไหลย้อน
  • มะเขือเทศ มะเขือเทศอุดมไปด้วยไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในระบบย่อยอาหาร มีน้ำสูง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับระบบย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี

2. โปรตีนคุณภาพต่ำไขมัน

  • ปลาย่าง ปลาเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและมีไขมันต่ำ โดยเฉพาะปลาน้ำลึกที่มีโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบในระบบย่อยอาหาร เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู
  • ปลาต้ม การต้มปลาเป็นวิธีการปรุงอาหารที่ไม่เพิ่มไขมันและคงคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อวัยทอง และยังง่ายต่อการย่อย ช่วยลดความเสี่ยงของกรดไหลย้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
  • อกไก่ทอดไร้น้ำมัน อกไก่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงและมีไข่มันต่ำ ยิ่งผ่านกรรมวิธีด้วยการทอดไร้น้ำมันยิ่งช่วยลดไขมันส่วนเกินออกไปได้เพิ่มเติม ที่สำคัญทานง่าย ย่อยง่าย และไม่กระตุ้นการหลั่งกรดด้วย
  • เต้าหู้นึ่ง เต้าหู้เป็นแหล่งโปรตีนจากพืช 05:02/68 ที่มีไขมันต่ำ ทำให้ง่ายต่อการย่อย และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ เหมาะสำหรับวัยทองผู้มีปัญหากรดไหลย้อน

3. ผลิตภัณฑ์นม ทางเลือกเพื่อสุขภาพ

  • โยเกิร์ตไร้ไขมัน โยเกิร์ตมีโพรไบโอติกที่ช่วยฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร ยิ่งเลือกโยเกิร์ตสูตรชนิดไร้ไขมัน ก็ยิ่งช่วยลดความเสี่ยงของกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดี
  • นมถั่วเหลือง นมถั่วเหลืองเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับวัยทองผู้แพ้นมวัว นอกจากจะมีโปรตีนสูง และไม่มีไขมันอิ่มตัว ช่วยลดการระคายเคืองในระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังมีสารที่ช่วยในเรื่องของฮอร์โมนได้อีกด้วย
  • นมโคขาดมัน นมขาดมันมีไขมันต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงของกรดไหลย้อน และให้แคลเซียมที่จำเป็นต่อร่างกายของวัยทอง

4. ธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: พลังงานที่เป็นมิตร

  • ข้าวกล้อง ข้าวกล้องอุดมไปด้วยใยอาหาร จึงสามารถช่วยดูดซับกรดในกระเพาะอาหาร และช่วยในการขับถ่ายให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น
  • โอ๊ต โอ๊ตมีใยอาหารสูง จึงสามารถช่วยสร้างเยื่อเมือกปกป้องหลอดอาหาร ทำให้สามารถลดการระคายเคืองจากการทำลายของกรดในกระเพาะอาหาร
  • ขนมปังโฮลวีต ขนมปังโฮลวีตมีใยอาหารสูง ช่วยชะลอการย่อยของร่างกาย และยังลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
  • ควินัว ควินัวเป็นธัญพืชที่มีโปรตีนสูง มีใยอาหาร และแร่ธาตุครบถ้วน ช่วยในการย่อยอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการทานอาหารที่ถูกหลักตามโภชนาการและหลีกเลี่ยงอาหารที่สามารถทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนในวัยทองได้แล้ว การรับประทานอาหารด้วยการทานมื้อเล็กๆ แต่ทานบ่อยมากขึ้น เคี้ยงอาหารช้าๆ เพื่อให้ลดการทำงานของกระเพาะแล้ว การดื่มน้ำระหว่างอาการ และหลีกเลี่ยงการนอนหลังทานอาหารประมาณ 3 ชั่วโมง ก็สามารถช่วยเรื่องอาการกรดไหลย้อนได้เช่นกัน

และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพของคุณผู้อ่านที่เป็นวัยทองไม่แพ้กับอาหารที่แนะนำสำหรับวัยทองก็คือ ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) ทางเลือกเสริมในการดูแลสุขภาพสำหรับผู้หญิงวัยทอง ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลสุขภาพด้วยส่วนผสมที่คัดสรรจากธรรมชาติ

  • สารสกัดจากถั่วเหลือง นำเข้าจากประเทศสเปน อุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยบรรเทาอาการของวัยทอง เช่น อาการร้อนวูบวาบ 01:11/67 เหงื่อออกตอนกลางคืน และช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน การปรับสมดุลฮอร์โมนนี้ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดกรดไหลย้อน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของกรดไหลย้อนในวัยทอง
  • สารสกัดจากตังกุย ช่วยบำรุงเลือด ปรับสมดุลฮอร์โมน และบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ตังกุยมีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบ ซึ่งอาจช่วยลดแรงบีบของกระเพาะอาหารและลดโอกาสการเกิดกรดไหลย้อน
  • สารสกัดจากแปะก๊วย มีคุณสมบัติในการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยปรับปรุงความจำและการทำงานของสมอง ต้านอนุมูลอิสระ และปกป้องเซลล์ประสาท นอกจากนี้ แปะก๊วยยังมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบของเยื่อบุหลอดอาหารที่เกิดจากกรดไหลย้อน
  • สารสกัดจากงาดำ อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินอี แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างกระดูกและฟัน ปกป้องหัวใจ และลดระดับคอเลสเตอรอล งาดำยังมีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการย่อยอาหารและการขับถ่าย ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหากรดไหลย้อน
  • ออร์แกนิค แครนเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี และโพลีฟีนอล ช่วยปกป้องระบบทางเดินปัสสาวะจากการติดเชื้อ ต้านการอักเสบ และส่งเสริมสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการปรับสภาพความเป็นกรด – ด่างในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้
  • อินูลิน พรีไบโอติก ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุ จากการศึกษาการมีสุขภาพลำไส้ที่ดีมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของกรดไหลย้อน เนื่องจากช่วยให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดแรงดันในช่องท้อง

*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

และของคุณผู้ชาย ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพเพื่อบุรุษวัยทอง ที่ได้รวบรวมสารสกัดที่ดีต่อสุขภาพที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันจากธรรมชาติมาไว้ในแคปซูลให้ทานได้ง่าย ทานได้ทุกวัน ประกอบด้วย 

  • สารสกัดจากโสมเกาหลี มีสารสำคัญคือจินเซนโนไซด์ที่ช่วยเพิ่มพลังงาน ความแข็งแรงและความทนทาน ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด เพิ่มความจำ และปรับสมดุลฮอร์โมน ต้านการอักเสบและปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับวัยทองที่มีปัญหากรดไหลย้อน การศึกษาหลายชิ้นพบว่าสารสกัดจากโสมเกาหลีช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ป้องกันการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหาร
  • สารสกัดจากฟีนูกรีก หรือเมล็ดลูกซัด สมุนไพรที่มีการใช้มายาวนานในแถบเมดิเตอร์เรเนียนและเอเชียใต้ อุดมด้วยสารฟูโรสตาโนลที่มีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย เพิ่มพลังงาน และส่งเสริมมวลกล้ามเนื้อ
  • แอล อาร์จีนีน กรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ไนตริกออกไซด์ ซึ่งช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย การไหลเวียนของเลือดที่ดีมีความสำคัญต่อระบบย่อยอาหาร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระเพาะอาหารและช่วยให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างแข็งแรงขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดกรดไหลย้อน
  • สารสกัดกระชายดำ สมุนไพรไทยที่มีชื่อเสียงในด้านการเพิ่มพลังและความแข็งแรง มีสารฟลาโวนอยด์ และแอนโทไซยานิน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรน กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ กระชายดำยังมีคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและต้านการอักเสบ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหากรดไหลย้อนเนื่องจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดอาหาร
  • ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลท เป็นแร่ธาตุสำคัญสำหรับบุรุษ โดยเฉพาะในวัยทอง ช่วยในการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เพิ่มคุณภาพอสุจิ และส่งเสริมภูมิคุ้มกัน ซิงค์ในรูปแบบคีเลทมีการดูดซึมที่ดีกว่าซิงค์ทั่วไป ซิงค์มีบทบาทสำคัญในการรักษาเยื่อเมือกที่ปกป้องเยื่อบุทางเดินอาหาร การขาดซิงค์อาจทำให้เยื่อบุอ่อนแอและเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกทำลายจากกรดในกระเพาะอาหาร
  • สารสกัดจากแปะก๊วย ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองและส่วนต่างๆ ของร่างกาย ปรับปรุงการทำงานของสมอง ความจำ และการรับรู้ ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยปกป้องเซลล์ประสาท
  • สารสกัดจากงาดำ ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน และลดระดับคอเลสเตอรอล งาดำยังมีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการย่อยอาหารและการขับถ่าย ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหากรดไหลย้อน งาดำยังมีสารเซซามินที่ช่วยต้านการอักเสบและปกป้องตับ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการกำจัดสารพิษและรักษาสมดุลฮอร์โมน

         *ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ด้วยส่วนประกอบจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการปรับสมดุลฮอร์โมน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ และส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหาร การรับประทาน ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) และ  ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตามคำแนะนำจะช่วยให้บุรุษวัยทองสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของอาการกรดไหลย้อน โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อาการมักจะกำเริบได้ง่าย

ออกกำลังกาย และนอนให้ถูกวิธี ช่วยให้อาการกรดไหลย้อนดีขึ้นได้เหมือนกัน

ใครจะเชื่อว่านอกจากการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และมีชีวิตชีวามากขึ้นแล้ว ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับวัยทองและผู้ที่มีปัญหากรดไหลย้อนเป็นอย่างมาก เพราะการออกกำลังกายสามารถช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ลดความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญไม่แพ้กันของการเกิดกรดไหลย้อน รวมถึงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะอาหารให้ดียิ่งขึ้น

ตลอดจนเรื่องของการนอน ก็ยังเข้ามาเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ชีวิตของคุณผู้อ่านดีขึ้นได้ ไม่ได้ดีต่อแค่ร่างกายอย่างเดียว ยังดีต่อสมอง และกระเพาะของเราด้วย ทั้ง 2 อย่างนี้จะดีต่อตัวมากน้อยแค่ไหน…มาลองหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

1. การเดินเบาๆ

การเดินเป็นการออกกำลังกายที่เรียบง่ายและดีต่อวัยทอง โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิสูงขึ้น การเดินสามารถช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหารโดยไม่สร้างแรงกดทับบริเวณกระเพาะอาหาร โดยเดินต่อเนื่องประมาณ 30 – 45 นาที

แต่เมื่อออกเดินในหน้าร้อนวัยทองก็ควรเลือกเวลาที่เหมาะสม โดยอาจจะเลือกเป็นในช่วงเย็นหลังพระอาทิตย์ตกดินหรือในสถานที่ที่มีร่มเงาเพียงพอ เพื่อป้องกันความร้อนสะสมในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นอาการกรดไหลย้อนได้เช่นกัน ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสม ขอแนะนำให้เป็นก่อนอาหารประมาณ 30 นาที หรือหลังรับประทานอาหารแล้ว 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารย่อยบางส่วนก่อน

ประโยชน์ที่ร่างกายได้รับ

  • การเดินเบาๆ หลังมื้ออาหารช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตไปยังระบบทางเดินอาหาร ส่งเสริมให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดโอกาสที่อาหารจะค้างอยู่ในกระเพาะนานเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกรดไหลย้อน
  • การเดินเบาๆ ช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบ โดยเฉพาะในหน้าร้อนที่ความร้อนอาจส่งผลให้ระดับความเครียดเพิ่มสูงขึ้น

2. โยคะ

โยคะ เป็นศาสตร์การออกกำลังกายที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับวัยทองและผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะกรดไหลย้อน ท่าโยคะที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อบริเวณช่องท้อง ลดแรงกดทับต่อกระเพาะอาหาร และส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร โดยแนะนำเป็นท่า…

  • ท่านอนหงาย (Savasana) ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย 
  • ท่าบิดลำตัว (Seated Twist) ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณทางเดินอาหาร ส่งเสริมกระบวนการย่อยอาหารและขับถ่าย 
  • ท่าเด็ก (Child’s Pose) ช่วยลดแรงกดทับบริเวณช่องท้อง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลัง ส่วน
  • ท่าโคจรัสนะ (Cat-Cow Pose) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกระดูกสันหลังและช่วยนวดอวัยวะภายในช่องท้อง

คุณประโยชน์ทางกายและใจ

  • โยคะไม่เพียงมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ยังช่วยลดความเครียดทางจิตใจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบ และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและฟื้นฟู
  • นอกจากนี้การหายใจอย่างถูกวิธีในระหว่างการฝึกโยคะ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระบวนการย่อยอาหาร ลดการบีบตัวของกระเพาะอาหารที่มากเกินไป และเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อบริเวณช่องท้อง ซึ่งช่วยป้องกันและบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. การฝึกหายใจ

การหายใจอย่างถูกวิธี เป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อน โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่ร่างกายมีแนวโน้มจะหายใจตื้นและเร็วขึ้นเนื่องจากความร้อน โดยจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อกระบังลม ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันกรดไหลย้อน

เทคนิคการหายใจที่แนะนำสำหรับวัยทอง คือ การนั่งหรือนอนในท่าที่สบาย วางมือบนหน้าท้อง หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ ให้ท้องพองขึ้น แล้วหายใจออกช้าๆ ให้ท้องยุบลง ทำซ้ำอย่างน้อย 5 – 10 นาที วันละ 2 – 3 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่รู้สึกมีอาการกรดไหลย้อนกำเริบ หรือในช่วงอากาศร้อนจัด

ประโยชน์ต่อระบบร่างกาย

  • การหายใจลึกๆ ช้าๆ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและฟื้นฟู
  • การหายใจที่ถูกวิธียังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร กระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังทางเดินอาหาร และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับถ่าย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันและบรรเทาอาการกรดไหลย้อน
  • การฝึกหายใจอย่างสม่ำเสมอของวัยทอง ยังช่วยเพิ่มความจุปอด ซึ่งมีแนวโน้มลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่ออาการกรดไหลย้อนได้อีกด้วย

4. ว่ายน้ำ

การว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับวัยทองที่มีปัญหากรดไหลย้อน โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิสูงขึ้น เพราะน้ำสามารถช่วยระบายความร้อนจากร่างกายได้ดี ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะร้อนเกิน ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นอาการกรดไหลย้อน

ประโยชน์จากการว่ายน้ำ

  • การว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายแบบไร้แรงกระแทก เป็นมิตรกับข้อต่อและกระดูก เหมาะสำหรับวัยทองที่อาจมีปัญหาข้อเสื่อมร่วมด้วย และการเคลื่อนไหวในน้ำยังช่วยลดแรงกระแทกต่อข้อต่อได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับการออกกำลังกายแบบอื่น
  • การว่ายน้ำ ช่วยฟื้นฟูระบบหายใจ เพิ่มความจุปอด และส่งเสริมการหายใจที่ลึกและมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานของกล้ามเนื้อกระบังลม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณช่องท้อง หลัง และลำตัว ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของแรงดันในช่องท้องและป้องกันกรดไหลย้อน
  • ที่สำคัญการว่ายน้ำยังช่วยลดความเครียดและวิตกกังวล ผ่านการปลดปล่อยสารเอนดอร์ฟิน หรือ “ฮอร์โมนแห่งความสุข” ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข ซึ่งเป็นการลดปัจจัยกระตุ้นอาการกรดไหลย้อนที่สำคัญ

เทคนิคการนอนที่ถูกวิธีสำหรับผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน

1. การจัดระดับหมอนให้เหมาะสม

แนะนำให้คุณผู้อ่านที่เป็นวัยทองรนอนหนุนหมอนสูง 15 – 20 องศา เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญในการป้องกันกรดไหลย้อน เพราะ…

  • หมอนช่วยยกศีรษะสูงขึ้น ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไม่สามารถไหลย้อนกลับขึ้นหลอดอาหารได้ง่าย
  • ลดแรงกดทับบริเวณกระเพาะอาหารและหูรูดหลอดอาหาร
  • ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. การเลือกท่านอนที่เหมาะสม

การนอนทางข้างซ้ายมีประโยชน์อย่างมากสำหรับวัยทองที่มีอาการกรดไหลย้อน เพราะสามารถช่วย…

  • ลดโอกาสการไหลย้อนของกรด เนื่องจากตำแหน่งของกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร
  • ช่วยบรรเทาความดันบริเวณหน้าท้อง
  • ส่งเสริมการย่อยอาหารที่ดีขึ้น

3. การควบคุมเวลานอนหลังอาหาร

แนะนำให้คุณผู้อ่านที่เป็นวัยทองควรหลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร โดยเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้…

  • กระบวนการย่อยอาหารเสร็จสมบูรณ์ ก่อนเข้านอน
  • ลดปริมาณของเหลวและกรดในกระเพาะอาหาร
  • ช่วยป้องกันการไหลย้อนของกรดระหว่างนอน

4. การใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อสุขภาพ

การใช้หมอนกันไรฝุ่น สามารถช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน เพราะสามารถ…

  • ลดการระคายเคืองทางเดินหายใจ
  • ป้องกันสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น
  • สร้างสภาพแวดล้อมการนอนที่สะอาดและปลอดภัย

สรุป

การจัดการอาการกรดไหลย้อนในหน้าร้อนนับว่าไม่ใช่เรื่องยากและเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้โดยเฉพาะวัยทอง เชื่อมั่นได้เลยว่าหากคุณผู้อ่านได้อ่านมาจนถึงจุดนี้ และได้มีการนำไปปรับให้เข้ากับการดำเนินชีวิต พร้อมกับการดูแลตนเองไปด้วย ก็จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมอาการและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

และอย่าลืม หากนึกถึงสุขภาพ… นึกถึง ดีเน่ DNAe,