อีกหนึ่งเรื่องที่วันนี้ออยลี่อยากมาเปิดใจเล่าสู่กันฟังกับคุณผู้หญิงวัยทองทุกท่านและคุณผู้อ่านทุกคน เชื่อว่าเรื่องนี้หลายท่านอาจมองว่าเป็นอาจจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ความไกลตัวที่หลายคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับคนรอบตัวของออยลี่ไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องรู้กันนะคะ นั่นก็คือเรื่องของ “มะเร็งเต้านม”
มาดูสถิติกันก่อนนะตอนนี้ “มะเร็งเต้านม” เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงไทย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงทั่วโลกอันดับหนึ่งเลยทีเดียว ฟังดูน่ากลัวไหม? แต่รู้ไหมคะ สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ มะเร็งเต้านมใน ระยะเริ่มต้นมักจะไม่มีอาการ เลยทำให้ผู้หญิงอย่างเราๆ หลายคนมองข้ามไป แต่ไม่ต้องตื่นตกใจไป เพราะข่าวดี ก็คือ หากมะเร็งเต้านมถูกตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและได้รับการรักษาทันเวลา โอกาสที่จะหายขาดจากโรคนี้มีสูงมาก หากพบในระยะที่ 1 ก็มีโอกาสรักษาหายได้เกือบ 100% เลยล่ะ และนี่แหละ คือ เหตุผลที่ออยลี่อยากมาคุยกับทุกคนเรื่อง “มะเร็งเต้านม” วันนี้ เพราะความรู้และการเตรียมพร้อมที่ถูกต้องจะช่วยปกป้องเราได้จริงๆ
ทำไมผู้หญิงวัยทองต้องกังวลเป็นพิเศษ?
พอมาถึงวัยนี้…ออยลี่มองว่าคนเรามักจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดี มีประสบการณ์ชีวิตเยอะ แต่รู้ไหมคะว่าความเสี่ยงของ “มะเร็งเต้านม” นั้นเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำให้คุณผู้อ่านหรือผู้หญิงวัยทองทุกท่านต้องกลัวหรือกังวลจนเกินไปนะคะ แต่เพื่อให้ทุกท่านสามารถเตรียมตัวและใส่ใจดูแลตัวเองให้ดีขึ้น เหมือนกับที่เราใส่ใจดูแลผู้อื่นในครอบครัวกันไงคะ
ณ วัยนี้ ฮอร์โมนในร่างกายของวัยทองจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง บางคนอาจจะกำลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน หรือบางคนอาจจะต้องใช้ยาฮอร์โมนทดแทน สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลต่อความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมทั้งสิ้น อีกเหตุผลหนึ่งที่วัยนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ ก็คือ การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำงานหนัก มีความเครียด นอนดึก กินอาหารไม่เป็นเวลา ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยขึ้น หรือออกกำลังกายน้อยลง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของ “มะเร็งเต้านม” ได้ ความจริงแล้วมี 90% ที่มะเร็งเต้านมจะเกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและวิถีการใช้ชีวิต และเพียงแค่ 5 – 10% เท่านั้นที่เกิดจากปัจจัยพันธุกรรม นั่นหมายความว่าคุณผู้หญิงวัยทองและคุณผู้อ่านทุกท่านสามารถควบคุมและป้องกันได้มากกว่าที่คิด
ลองมาดูกันว่า…สัญญาณเตือนหรืออาการใดบ้างที่เราไม่ควรมองข้ามว่าอาจจะเป็นอาการของมะเร็งเต้านม?
สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านมที่ห้ามมองข้าม
- คลำพบก้อนเนื้อบริเวณเต้านมหรือใต้รักแร้
ก้อนนี้อาจจะกดเจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้ แต่อย่าไปคิดว่าถ้าไม่เจ็บแล้วไม่เป็นไร เพราะผู้ป่วยมะเร็งเต้านมถึง 90% ในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการเจ็บเลย มีแค่ก้อนเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วอาการเจ็บจะเกิดเมื่อก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่แล้ว - ผิวหนังเต้านม
เช่น มีรอยบุ๋ม ผิวหนังรั้งตัว หดตัว หรือมีลักษณะเป็นผิวส้มเกิดขึ้น เพราะหากมีก้อนเนื้อภายในเต้านม ผิวหนังจะถูกรั้งหรือดึงให้บุ๋มเข้าไปในเต้านมได้ - ขนาดเต้านม
เรื่องนี้ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่ต้องสังเกต ปกติแล้วเต้านมของผู้หญิงมักจะมีขนาดไม่เท่ากันสองข้าง แต่หากข้างใดข้างหนึ่งมีขนาดผิดปกติไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ก็ควรไปตรวจดูว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งเต้านมไหม? - การเปลี่ยนแปลงของหัวนม
เช่น หัวนมบุ๋มลึกเข้าไป มีการหลั่งของเหลวออกมาจากหัวนม โดยเฉพาะถ้าเป็นเลือดหรือของเหลวสีน้ำตาล ก็เป็นสัญญาณของมะเร็งเต้านมที่ต้องรีบไปพบแพทย์
สิ่งสำคัญที่ออยลี่อยากเน้นให้ทุกคนทราบ ก็คือ หากคุณผู้อ่านหรือผู้หญิงวัยทองท่านใดสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ของเต้านม ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ อย่าไปคิดเอาเองว่าเป็นเรื่องปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะอย่างที่ออยลี่บอกไปคะว่า การตรวจพบและรักษามะเร็งเต้ารมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาให้หายขาดได้มาก
“มะเร็งเต้านม” ควบคุมได้
ปัจจัยเสี่ยงของ “มะเร็งเต้านม” สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ ปัจจัยที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้
- ปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
- เพศ
จากสถิติบอกว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้ชายถึง 100 เท่า ทุกคนน่าจะสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เหตุผลหลักมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่ผู้หญิงมีนั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าผู้ชายมาก ฮอร์โมนเหล่านี้ล้วนกระตุ้นให้เซลล์ในเต้านมแบ่งตัวเพิ่มขึ้น และยิ่งเซลล์แบ่งตัวบ่อยเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดความผิดปกติก็มากขึ้นเท่านั้น
- อายุ
เรื่องของอายุก็เป็นอีกปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ คิดง่ายๆ ว่ายิ่งอายุมากขึ้น เซลล์ในร่างกายก็ได้รับการสั่งสมของความเสียหายจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ มากขึ้น ระบบซ่อมแซมเซลล์ก็ทำงานช้าลง หากดูจากทางสถิติบอกว่าผู้หญิงอายุ 20 ปี มีความเสี่ยงประมาณ 1 ใน 1,500 แต่เมื่อคุณผู้อ่านอายุ 70 ปี ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 15 เลยทีเดียวค่ะ
- ประวัติครอบครัว
ถ้าแม่ พี่สาว หรือน้องสาวในครอบครัว เคยมีประวัติการเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ ความเสี่ยงของคุณผู้อ่านก็อาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 – 3 เท่า แต่ทั้งนี้ทั้งนี้ก็ไม่อยากให้เข้าใจผิดนะคะ นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นแน่นอน
แต่หมายความว่า…เราต้องระมัดระวังและตรวจสุขภาพสม่ำเสมอมากกว่าคนทั่วไปมากขึ้น
- มีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี หรือ หมดประจำเดือนหลังอายุ 55 ปี
นี่ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงก็หนึ่งเรื่องที่สามารถพบเจอได้สำหรับในคนที่เป็นมะเร็งเต้ารม เพราะนั้นหมายถึงร่างกายได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานานกว่าปกติ ลองคิดตามออยลี่ดูนะคะว่า ถ้าหากเรามีประจำเดือนตั้งแต่อายุ 11 ปี และหมดประจำเดือนตอนอายุ 58 ปี เท่ากับว่า่ร่างกายจะได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนนานมากถึง 47 ปีเลยทีเดียว ซึ่งหากเทียบกับคนที่มีประจำเดือนตอนอายุ 14 ปี และหมดประจำเดือนตอนอายุ 50 ปี จะได้รับเพียง 36 ปี ต่างกันถึง 11 ปีเลยค่ะ
- ยีนผิดปกติ
BRCA1 และ BRCA2 เป็นยีนที่ทำหน้าที่ซ่อมแซม DNA คนที่มียีนผิดปกติเหล่านี้ ความเสี่ยงจะสูงมากถึง 45 – 65% สำหรับ BRCA1 และ 45% สำหรับ BRCA2 แต่โชคดีที่ยีนเหล่านี้พบได้เพียง 5 – 10% ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเท่านั้นค่ะ
ปัจจัยเสี่ยงที่เราสามารถควบคุมได้
- การมีบุตรและการให้นม
ออยลี่ขอเริ่มต้นจากเรื่องนี้กันก่อนเลยนะคะ ผู้หญิงที่ไม่เคยมีบุตรหรือมีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูง เพราะว่าระหว่างตั้งครรภ์และให้นมลูก ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง ยิ่งให้นมลูกนานเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะลดลงมากขึ้นเท่านั้น การให้นมลูกเป็นเวลา 1 ปี จะช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมได้ประมาณ 4.3% และทุกๆ 12 เดือนที่ให้นมเพิ่มขึ้น จะช่วยลดความเสี่ยงได้อีก 7% ค่ะ
- การใช้ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน
การใช้ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทนเป็นเวลานานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้หญิงทุกคนต้องระวัง แต่ความเสี่ยงจะลดลงเมื่อหยุดใช้แล้ว ส่วนฮอร์โมนทดแทนนั้น ถ้าใช้เป็นเวลานานกว่า 5 ปี ความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมก็จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนค่ะ
- แอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์นั้นอันตรายมากกว่าที่หลายคนคิดค่ะ แม้แต่การดื่มเพียงแก้วเดียวต่อวันก็เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมได้ประมาณ 7 – 12% เลย เหตุผลก็เพราะว่าแอลกอฮอล์จะทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเลือดเพิ่มขึ้น และยังรบกวนการทำงานของตับในการขจัดฮอร์โมนออกจากร่างกายด้วยค่ะ
- น้ำหนักตัว
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญมาก เพราะหลายคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้อีกแล้วโดยเฉพาะหลังวัยหมดประจำเดือน เพราะเมื่อรังไข่หยุดผลิตฮอร์โมนแล้ว เนื้อเยื่อไขมันจะกลายเป็นแหล่งผลิตเอสโตรเจนหลักแทน ยิ่งมีไขมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผลิตเอสโตรเจนมากขึ้นเท่านั้น ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินจะมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมสูงขึ้น 30 – 60% เลยค่ะ
- การออกกำลังกาย
เป็นเรื่องดีที่ออยลี่มองว่าทุกคนทำได้ค่ะ แต่ก็ยากเหมือนกันใช่ไหมคะ? การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมได้ถึง 10 – 25% เลยทีเดียว เพราะช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดระดับฮอร์โมน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบในร่างกาย ออยลี่แนะนำให้ทึกคนออกกำลังกายปานกลางอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที หรือออกกำลังกายหนักสัปดาห์ละ 75 นาทีค่ะ
- อาหารการกิน
เรื่องของอาหารการกินก็มีผลมากเช่นกัน โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เนื้อแดง และอาหารแปรรูปจะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม แต่ในขณะเดียวกันการทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และปลา จะช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมได้
- การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่ หรือสูบบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากจะทำให้เสี่ยงต่อมะเร็งปอดแล้ว 14:02/68 ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมด้วย โดยเฉพาะถ้าเริ่มสูบก่อนคลอดบุตรคนแรกค่ะ
ระยะของมะเร็งเต้านม
เมื่อมีการวินิจฉัยยืนยันว่าเป็น “มะเร็งเต้านม” แล้ว สิ่งต่อไปที่แพทย์จะทำ คือ การจำแนกระยะของโรค เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยมะเร็งเต้านมแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ตั้งแต่ระยะที่ 0 ถึงระยะที่ 4
- ระยะที่ 0
เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งเพิ่งก่อตัว ยังอยู่ภายในเนื้อเยื่อ ณ จุดที่ก่อตัว ยังไม่แพร่กระจายสู่ภายนอก ระยะนี้โอกาสรักษาหายขาดเกือบ 100% - ระยะที่ 1
ระยะนี้มะเร็งจะเริ่มลุกลามออกมานอกเนื้อเยื่อตรงจุดที่ก่อตัว แต่ยังไม่แพร่กระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ มีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร ระยะนี้ผู้ป่วยมีโอกาสรักษาให้หายขาดสูงมาก และผลการรักษาดีที่สุด
- ระยะที่ 2
ก้อนมะเร็งมีขนาดปานกลาง ใหญ่กว่า 2 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 5 เซนติเมตร และอาจจะมีการลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง 1 – 3 ต่อม ระยะนี้ยังมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้และผลการรักษายังดี
- ระยะที่ 3
ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่มากกว่า 5 เซนติเมตร และมีการลุกลามไปต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้มากกว่า 4 ต่อมขึ้นไป โอกาสรักษาให้หายขาดมีเปอร์เซ็นลดลง และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำและแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นได้
- ระยะที่ 4 มะเร็งเต้านม
ระยะนี้ได้กระจายลุกลามไปยังอวัยวะอื่นแล้ว เช่น ปอด ตับ กระดูก สมอง ระยะนี้โรคค่อนข้างรุนแรง และมักไม่สามารถรักษาให้หายขาดจากโรคได้ แต่สามารถควบคุมโรคและยืดอายุได้
ส่วนเรื่องของวิธีการรักษาตรงนี้จะขึ้นอยู่กับระยะของโรค ขนาดและตำแหน่งของก้อน การลุกลามของโรค และปัจจัยอื่นๆ โดยจะมีทั้งการรักษาด้วยการผ่าตัดนำก้อนเนื้อออก หรือผ่าตัดเอาเต้านมออกทั้งหมด, การใช้เคมีบำบัดเพื่อลดขนาดก้อน, การใช้รังสีรักษษเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง, การใช้ฮอร์โมนบำบัด, หรือการรักษาแบบเป้าหมายที่ใช้ยาที่จำเพาะต่อเซลล์มะเร็งในแต่ละประเภท
ปัจจุบันการรักษามะเร็งเต้านมได้พัฒนาไปมากจนสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องเสียเต้านมในหลายกรณี และมีเทคนิคการสร้างเต้านมใหม่ที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้นหลังการรักษาค่ะ
…
“มะเร็งเต้านม”
ผู้หญิงทุกคนสามารถเช็กได้ด้วยตนเองไหม?
…
เอาละคะมาถึงส่วนที่ออยลี่อยากให้ทุกคนเรียนรู้และนำไปปฏิบัติจริงๆ นั่นก็คือ การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง เรียกว่าเป็นวิธีการป้องกันมะเร็งเต้านมที่ง่ายที่สุดและคุณก็สามารถทำได้ด้วยตนเองง่ายๆ ที่บ้านอีกด้วย รู้ไหมคะว่า 90% ของผู้หญิงที่พบมะเร็งเต้านมครั้งแรกนั้น ตรวจพบด้วยตนเองเลย ไม่ใช่จากการตรวจกับแพทย์ ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าการตรวจเต้านมด้วยตนเองสำคัญแค่ไหน
โดยออยลี่แนะนำถึงผู้หญิงทุกคนว่าควยตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน เริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป สำหรับคนที่ยังมีประจำเดือน ควรตรวจหลังประจำเดือนหมดประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะช่วงนี้ฮอร์โมนจะคงที่และเต้านมจะไม่โต สำหรับคนที่หมดประจำเดือนแล้ว ให้เลือกวันที่คงที่ในแต่ละเดือน เช่น วันที่ 1 ของทุกเดือน ซึ่งวิธีการตรวจที่ถูกต้อง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจด้วยการมอง
ลักษณะ คือ ให้คุณผู้อ่านยืนหน้ากระจกพร้อมกับถอดเสื้อออกให้หมด จากนั้นให้ลองสังเกตดูรูปร่างและขนาดของเต้านมทั้งสองข้างของตนเองว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จากนั้นยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ แล้วสังเกตอีกครั้ง
ขั้นตอนที่ 2 ตรวจขณะอาบน้ำ
ขั้นตอนนี้ให้ทำขณะที่กำลังถู่สบู่หรือถูสบู่เสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ล้างออกจะทำให้การคลำง่ายขึ้น ให้คุณผู้อ่านยกมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลังศีรษะ ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางของมืออีกข้างหนึ่ง กดลงบนเต้านมเบาๆ กดแรงขึ้น และกดหนัก ไล่เป็น 3 ระดับ โดยวนเป็นวงกลมเล็กๆ ไปรอบๆ จนถึงหัวนม
ขั้นตอนที่ 3 ตรวจขณะนอน
ขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจในท่าลักษณะนอนราบ และเอาหมอนหรือผ้าเล็กๆ รองไว้ใต้ไหล่ข้างที่จะตรวจ เพื่อให้เต้านมแผ่ออกเท่าๆ กัน โดยลักษณะทำการคลำจะเหมือนกับขั้นตอนที่ 2
สิ่งที่เรากำลังจะต้องตรวจหา คือ ก้อนหรือความหนาที่ผิดปกติจากการคลำ การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง การบุ๋มหรือย่นของผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของหัวนม การหลั่งของเหลวจากหัวนม เมื่อทำการตรวจแล้ว คุณผู้อ่านจะต้องบีบหัวนมเบาๆ และดูว่ามีของเหลวหรือเลือดออกมาหรือไม่ และอย่าลืมตรวจบริเวณใต้รักแร้ด้วย เพราะต่อมน้ำเหลืองในบริเวณนี้อาจจะมีการลุกลามของมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญ คือ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและจดจำลักษณะปกติของเต้านมตัวเอง เพื่อที่จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติได้ทันทีนั่นเองค่ะ
ปรับปรุงวิถีชีวิต…ป้องกันมะเร็งเต้านม
การป้องกัน “มะเร็งเต้านม” ที่ดีที่สุดไม่ใช่แค่การตรวจหาเท่านั้น แต่ออยลี่กำลังรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ดีขึ้นด้วย ดังนั้น ออยลี่จึงอยากที่จะมาแชร์วิธีการป้องกันที่พิสูจน์แล้วว่าทำแล้วได้ผลจริงๆ โดยขอเริ่มต้นจาก…
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นวิธีป้องกันมะเร็งเต้านมที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง โดยจากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่า 20 – 30% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายนี้ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนัก หรือไปฟิตเนสก็ได้ แต่เป็นการออกกำลังกายระดับปานกลางนั้นเอง เช่น การเดินเร็ว การเต้นแอโรบิค หรือการเล่นโยคะ แนะนำว่าให้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 4 ชั่วโมง ก็สามารถลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านมได้แล้ว
- ควบคุมน้ำหนัก
การควบคุมน้ำหนักโดยเฉพาะวัยหลังหมดประจำเดือน จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ เพราะเนื้อเยื่อไขมันจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน ยิ่งมีไขมันมาก ก็ยิ่งมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ซึ่งอาจเสี่บงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
- เลือกทานอาหารที่ดี
You are what you EAT กินอย่างไรก็ได้แบบนั้นมีผลต่อการป้องกันมะเร็งเต้านมมาก ควรเพิ่มผักและผลไม้ในมื้ออาหาร โดยเฉพาะผักใบเขียวและผลไม้สีเข้ม ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการกินเนื้อแดงและอาหารที่มีไขมันสูง
- ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ
การได้รับวิตามินที่เพียงพอและดีต่อร่างกายสามารถช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ถึง 50% ควรออกไปรับแสงแดดในช่วงเช้าหรือเย็น หรือรับประทานอาหารที่มีวิตามินดี หากจำเป็นอาจต้องทานวิตามินดีเสริม 800 – 1,000 IU ต่อวัน
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ออยลี่ขอแนะนำให้เป็นอย่างน้อยลดปริมาณลง เพราะแอลกอฮอล์เพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและยับยั้งความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับมะเร็งนั้นเอง
- การจัดการความเครียด
เพราะความเครียดเป็นบ่อเกิดของอาการโรคต่างๆ ทำให้ร่างกายของเราเกิดความอักเสบ ดังนั้น วัยทองควรที่จะจัดการความเครียดให้ดี 06:04/68 ควรหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง การทำกิจกรรมที่ชอบ
- นอนหลับให้เพียงพอ
เพราะร่างกายของเราก็ต้องการการพักผ่อน หลังจากใช้ชีวิตมาทั้งวัน และเมื่อเรานอนหลับเท่านั้นร่างกายถึงจะเริ่มซ่อมแซม แนะนำให้นอนอย่างน้อยวันละ 7 – 8 ชั่วโมง เพราะการนอนหลับมีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกัน
- ใช้ยาฮอร์โมนอย่างระมัดระวัง
ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมนทดแทน อยากให้คุณผู้อ่านทุกท่านปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์
หลังจากที่ออยลี่ได้แนะนำการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่จะช่วยให้คุณผู้อ่านและวัยทองทุกท่านสามารรถลดความเสี่ยง และได้รู้จักกับความสำคัญของการป้องกันมะเร็งเต้านมไปแล้ว จะเห็นได้จากข้อ 4. เรื่องของการรับวิตามินที่ดีต่อร่างกาย สิ่งนี้สามารถช่วยและป้องกันมะเร็งได้มากถึง 50% เลยทีเดียว และนอกจากวิตามินดีแล้ว เรื่องของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ วัยทอง ออยลี่ก็อยากแนะนำให้รู้จักกับผลิตภัณฑ์นี้ด้วยค่ะ
ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) อาหารเสริมสุขภาพเพื่อผู้หญิงวัยทอง วัยนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เมื่อเราเข้าสู่วัยทอง ร่างกายเริ่มลดการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลง การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องประจำเดือนหรือความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อสุขภาพโดยรวมในหลายๆ ด้าน เช่น สุขภาพกระดูก ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน และแม้กระทั่งอารมณ์และการนอนหลับ อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตามมือ และนี่ คือ จุดที่ดีเน่ ฟลาโวพลัส ได้เข้ามาช่วยเสริมสิ่งที่ร่างกายเราต้องการด้วยสารสกัดทั้ง 6 ชนิด
- 1. สารสกัดจากถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองเป็นเหมือนซูเปอร์ฟู้ดสำหรับผู้หญิงวัยทองเลยทีเดียว เพราะมีสารไอโซฟลาโวนที่มีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนของเราเอง สารนี้เรียกว่า “ฟิโตเอสโตรเจน” หรือเอสโตรเจนจากพืช จะช่วยลดอาการต่างๆ ที่เกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย เช่น อาการร้อนวูบวาบ การเหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวน และยังช่วยดูแลสุขภาพกระดูกอีกด้วย สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือ จากการศึกษาในเอเชียพบว่า ผู้หญิงที่บริโภคถั่วเหลืองเป็นประจำมีอัตราการเป็นมะเร็งเต้านมต่ำกว่าผู้หญิงในประเทศตะวันตก
- 2. สารสกัดจากตังกุย
ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ลดอาการปวดประจำเดือน ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และสำคัญมาก คือ ช่วยบำรุงเลือดให้แข็งแรง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ที่น่าสนใจ คือ ตังกุยยังช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณและเยื่อบุต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนในวัยทองพบเจอ
- 3. สารสกัดจากแปะก๊วย
สารสกัดจากใบแปะก๊วยมีสรรพคุณโดดเด่นในการช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น โดยเฉพาะการไหลเวียนไปยังสมอง สำหรับผู้หญิงวัยทอง แปะก๊วยจะช่วยเพิ่มความจำ ลดอาการสมองเฟื่อง ช่วยให้ความคิดใสขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับการเสื่อมของสมอง ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
- 4. สารสกัดจากงาดำ
งาดำเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ในการแพทย์แผนจีน งาดำถือเป็นยาบำรุงไต บำรุงตับ และช่วยให้ผมดำ และยังช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง เพราะมีแคลเซียมและแมกนีเซียมสูง ช่วยดูแลสุขภาพหัวใจ เพราะมีโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ในสัดส่วนที่ดี และมีสารเซซามินที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันการอักเสบ รวมถึงช่วยดูแลสุขภาพระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงวัยทอง ช่วยลดอาการแห้งและเสริมความชุ่มชื้นจากภายใน ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนในวัยทองพบเจอ
- 5. ออร์แกนิค แครนเบอร์รี่
ผู้หญิงวัยทองระบบทางเดินปัสสาวะมักจะอ่อนแอลง เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แครนเบอร์รี่ช่วยป้องกันแบคทีเรียเข้าไปเกาะที่ผนังกระเพาะปัสสาวะ ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อม ป้องกันโรคหัวใจ และอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันมะเร็งได้ด้วย
- 6. อินูลิน พรีไบโอติก
อินูลินเป็นพรีไบโอติกธรรมชาติที่เป็นอาหารของแบคทีเรียดีในลำไส้ การมีแบคทีเรียดีในลำไส้ที่สมดุลเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสุขภาพโดยรวม ช่วยให้ระบบทำงานดีขึ้น ช่วยในการดูดซึมสารอาหารให้ได้มากขึ้น และช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอล และมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการป้องกันโรคต่างๆ รวมถึงมะเร็งเต้านม
*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) อีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้หญิงวัยทองที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างครบครันที่ออยลี่แนะนำ ด้วยสารสกัดธรรมชาติ 6 ชนิดที่เรียกได้ว่าคัดสรรมาเป็นอย่างดี แต่ละชนิดมีประโยชน์เฉพาะตัว จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพวัยดีให้แข็งแรงได้อย่างแน่นอน
แนะนำให้รับประทานวันละ 1 แคปซูล หลังอาหารหรือพร้อมมื้ออาหารที่สะดวกเพื่อลดการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพราะการบำรุงสุขภาพเป็นเรื่องของระยะยาว ไม่ใช่ระยะสั้น
นอกจากการตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างที่ออยลี่ได้แนะนำกันไปแล้ว การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมกับแพทย์ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเหมือนเดิมโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงวัยทอง การตรวจมะเร็งเต้านมโดยแพทย์ ควรเริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปี และตรวจทุก 3 ปี หลังจากอายุ 40 ปี ควรได้รับการตรวจทุกปี เพราะแพทย์มีความชำนาญในการสัมผัสและสังเกตความผิดปกติที่เราอาจมองข้ามได้เก่งกว่าเรานั่นเอง
นอกจากนี้…ก็ยังมีการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมเป็นการตรวจที่สำคัญมาก คุณผู้อ่านควรเริ่มตรวจที่อายุ 35 – 40 ปี และตรวจเป็นประจำทุกปีหลังจากอายุ 40 ปี แมมโมแกรมสามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แม้จะยังไม่สามารถคลำเจอก้อนได้ การตรวจอัลตราซาวด์เต้านม เป็นการตรวจเสริมที่ช่วยแยกแยะเนื้องอกในเต้านม ว่าเป็นของเหลวหรือเป็นก้อนเนื้อ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ การตรวจแบบนี้เหมาะสำหรับคนอายุน้อยหรือคนที่มีเต้านมหนาแน่น
สำหรับผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งรังไข่ ควรเริ่มทำการตรวจเร็วกว่าอายุที่ตรวจพบในญาติ 5 ปี และอาจต้องตรวจด้วย MRI เพิ่มเติม
การแปลผลการตรวจ จะใช้ระบบ BI-RADS ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ระดับ
- ระดับ 0: ต้องตรวจเพิ่มเติม
- ระดับ 1: ปกติ
- ระดับ 2: มีความผิดปกติแต่เป็นแบบไม่เป็นมะเร็ง
- ระดับ 3: อาจจะมีความผิดปกติ ควรติดตามทุก 6 เดือน
- ระดับ 4: มีความเสี่ยงที่จะเป็น มะเร็งเต้านม ควรเจาะชิ้นเนื้อ
- ระดับ 5: มีความเสี่ยงสูงมาก ต้องเจาะชิ้นเนื้อเพื่อยืนยัน
- ระดับ 6: ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าเป็นมะเร็ง
ข้อดีของการตรวจคัดกรอง คือ คุณผู้อ่านสามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะคลำเจอก้อน ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงและโอกาสหายขาดมากขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น อาจตรวจไม่พบในคนที่มีเต้านมหนาแน่น อาจมีผลบวกปลอม ทำให้กังวลโดยไม่จำเป็น หรือผลลบปลอม ทำให้มั่นใจเกินไป
ที่สำคัญ คือ คุณผู้อ่านต้องเลือกสถานพยาบาลที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำที่สุด
แล้วถ้าลองตรวจด้วยตนเองหรือคัดกรองแล้วดันเจอ…
หากคุณผู้อ่านลองตรวจและพบสิ่งผิดปกติจากการตรวจเต้านมด้วยตนเอง หรือจากการตรวจคัดกรอง สิ่งแรกที่เกิดขึ้นออยลี่มองว่าคงหนีไม่พ้นความตกใจและกังวล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งสำคัญต่อจากนี้ คือ คุณผู้อ่านต้องรู้ว่าควรทำจะอย่างไรต่อไป และขั้นตอนต่อไปคืออะไร
- อย่าตื่นตระหนก เป็นสิ่งแรกที่ออยลี่อยากเน้น ไม่ใช่ก้อนทุกก้อนจะเป็นมะเร็งเต้านม มีเพียงประมาณ 1 ใน 5 ของก้อนที่พบจะเป็นมะเร็งเต้านมจริง ส่วนใหญ่เป็นก้อนที่ไม่เป็นอันตราย เช่น ซีสต์ หรือเนื้องอกไม่ร้าย
- รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว หากพบเจอจริงๆ ไม่ควรรอดูหรือหวังว่าจะหายเอง ยิ่งไปพบแพทย์เร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสได้รับการรักษาที่ดีมากขึ้น ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศึกษาเต้านมหรือศัลยแพทย์มะเร็ง เพื่อเช็กมะเร็งเต้านมให้แน่ใจ
- เตรียมข้อมูล ก่อนไปพบแพทย์ ออยลี่อยากให้ทุกคนเตรียมอาการที่พบ ระยะเวลาที่สังเกตเห็น ประวัติครอบครัว ประวัติการรับประทานยา และประวัติการตรวจสุขภาพที่ผ่านมา เพื่อนำไปประกอบว่าเรามีความเสี่ยงที่จะเกิดจากมะเร็งเต้านมจริงหรือไม่
- การตรวจวินิจฉัย แพทย์อาจจะทำ ได้แก่ การซักประวัติ การตรวจร่างกาย การตรวจแมมโมแกรม การตรวจอัลตราซาวด์ และหากจำเป็นอาจต้องเจาะชิ้นเนื้อ
- การเจาะชิ้นเนื้อ เป็นการตรวจที่แน่ชัดที่สุดในการวินิจฉัยมะเร็งเต้านม โดยจะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเข้าไปในก้อนเนื้อแล้วส่งไปตรวจกับพยาธิแพทย์ การตรวจนี้ไม่ได้เจ็บมาก และสามารถทำได้ในคลินิกโดยไม่ต้องผ่าตัด
- รอผลการตรวจ เป็นช่วงที่ทุกคนน่าจะวิตกกังวลที่สุดว่าตนเองจะเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่? แนะนำให้ควรหาสิ่งทำเพื่อเบี่ยงเบนความคิด พูดคุยกับคนใกล้ชิด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใจหากจำเป็น
ซึ่งหากผลออกมาไม่เป็นมะเร็งเต้านม ออยลี่ก็ขอแนะนำว่าให้ยังต้องติดตามอาการต่อไป และทำการตรวจคัดกรองตามปกติ เพราะการมีก้อนไม่เป็นอันตรายในเต้านมอาจเพิ่มความเสี่ยงในอนาคต แต่หากผลออกมาเป็นมะเร็ง ก็ไม่ใช่จุดจบขอให้ทุกคนสู้ต่อ เพราะการรักษามะเร็งเต้านมในปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยเฉพาะถ้าพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อัตราการรอดชีวิต 5 ปีของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ระยะเริ่มต้นสูงถึง 95 – 99%
สิ่งสำคัญ คือ การมีจิตใจที่เข้มแข็ง การได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง และการเลือกทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษามะเร็งเต้านม จะช่วยให้คุณผู้อ่านเบาใจขึ้นได้
สรุป
เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายคนหลังจากได้อ่านบทความนี้ไป บางครั้งก็อาจจะรู้สึกกลัว วิตกกังวล หรือมองร่างกายของตัวเองในแง่ลบ ลองจับคลำนู้น คลำนี้แล้วคิดว่าเป็น สิ่งที่อยากจะบอกทุกคนจำไว้ คือ ร่างกายของเรานั้นแข็งแรงและฉลาดมากกว่าที่เราคิด
การตรวจเต้านมด้วยตนเอง การไปตรวจคัดกรองเป็นประจำ การดูแลสุขภาพด้วยการกินอาหารดีๆ การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเรากลัวมะเร็งเต้านม แต่ออยลี่พยายามจะบอกทุกว่าเป็นเพราะเรารักและใส่ใจในตัวเอง ออยลี่หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน และช่วยให้ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ “มะเร็งเต้านม” มากขึ้น อย่าลืมว่าสุขภาพของเราเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด การลงทุนเวลาและความใส่ใจในการดูแลตัวเอง คือ การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต
มะเร็งเต้านมอาจจะใกล้ตัวกว่าที่คิด แต่การป้องกันและการรักษาก็ไม่ไกลเกินเอื้อมเช่นกัน ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง และอย่าลืมตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือนนะคะ
…และหากพูดถึงเรื่องสุขภาพของวัยทองแล้ว
ให้นึกถึงดีเน่ DNAe กันนะคะ…