ก่อนที่ออยลี่จะไปวัยทองทุกคนไปรู้จักกับ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน กันนะคะ ออยลี่ขอบังคับพาทุกคนมาทำความเข้าใจกับโรคเบาหวานให้ลึกซึ้งกันก่อน เพราะวัยทองหลายคนอาจจะคิดว่าเบาหวานเป็นแค่โรคธรรมดาๆ ที่แค่เลิกกินของหวานแล้วก็จะหายได้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
“เบาหวาน” เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายของวัยทองเองนั้นไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างปกติ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ หรือเซลล์ต่างๆ ในร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินอย่างที่ควรจะเป็น คิดดูนะคะ น้ำตาลในเลือดเป็นเหมือนเชื้อเพลิงของร่างกายวัยทอง แต่เมื่อมันมากเกินไปแล้วไม่สามารถเข้าไปใช้งานในเซลล์ได้ มันก็จะไปสะสมอยู่ในกระแสเลือด และนี่แหละ คือ จุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ทั้งหลาย
สำหรับคนวัยทองแล้ว ความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ เพราะร่างกายเราเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนเมื่อตอนหนุ่มสาว ตับอ่อนอาจจะเริ่มล้า การเผาผลาญช้าลง และการดื้อต่ออินซูลินก็เพิ่มขึ้น
…
เพราะภาวะแทรกซ้อน
น่ากลัวไม่แพ้กันกับ
“โรคเบาหวาน”
…
ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่น่ากลัว
นาทีนี้…เราได้พาคุณผู้อ่านวัยทองที่น่ารักทุกท่านก็ได้มาถึงหัวข้อหลักของเรากันแล้วกับ “ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน” ซึ่งเป็นเรื่องที่ออยลี่อยากให้ทุกคนตระหนักถึงความร้ายแรงของมันจริงๆ เพราะหลายคนมักจะคิดว่าเบาหวานเป็นแค่เรื่องของระดับน้ำตาลในเลือดสูงๆ แค่นั้น แต่ความจริงแล้ว ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน สามารถส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายของวัยทองได้เกือบทุกระบบเลย ไม่ว่าจะเป็นระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบไต ระบบประสาท ตา และแม้กระทั่งระบบภูมิคุ้มกันของเรา และเหตุผลที่ “ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน” เกิดขึ้นได้นั้น ก็เพราะว่าเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของวัยทองสูงเป็นเวลานานๆ มันจะไปทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ทั่วร่างกายของวัยทอง ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่ดีเท่าที่ควร
นอกจากนี้…น้ำตาลที่สูงเกินไปยังทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในร่างกายของวัยทอง ซึ่งจะไปเร่งทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้อีกด้วย ลองคิดดูว่าถ้าวัยทองปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงเป็นปีๆ โดยไม่ควบคุม มันจะไปทำลายร่างกายได้มากแค่ไหน
แล้ว “ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน” เกิดเป็นโรคอะไรตามมาได้บ้าง?
1. ระบบหัวใจและหลอดเลือด
หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่ร้ายแรงที่สุดและวัยทองพบได้บ่อยที่สุด ก็คือ ปัญหาของระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งรวมถึงโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดส่วนปลาย โดยวัยทองที่เป็นเบาหวานจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจสูงกว่าคนปกติถึง 2 – 4 เท่า และความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคเส้นเลือดในสมองแตกสูงกว่าถึง 2 – 3 เท่าเลยทีเดียว ออยลี่เชื่อว่าทุกคนน่าจะตกใจมากๆ เพราะนี่ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก
เหตุผลที่ว่าทำไม “ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน” ถึงส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือดของวัยทองนั้นก็เพราะว่าน้ำตาลที่สูงจะไปทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบตัน ซึ่งจะทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจและสมองได้ไม่เพียงพอ
สำหรับคนวัยทองแล้ว…ความเสี่ยงนี้จะสูงขึ้นไปอีก เพราะตัวอายุที่เพิ่มขึ้นเองก็เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่แล้ว เมื่อมาบวกกับเบาหวาน มันก็เหมือนกับการเพิ่มความเสี่ยงเป็นทวีคูณ อาการที่วัยทองควรระวังและสังเกตก็เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น หน้ามืด แขนขาชา หรือพูดไม่ชัด ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมา ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจจะเป็นสัญญาณของภาวะฉุกเฉินทางหัวใจหรือสมองก็ได้
2. ไตเสื่อม 25:04/68
ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานอีกอย่างหนึ่งโรคที่สำคัญมาก และเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า “ภัยเงียบ” ก็คือ โรคไตเสื่อมจากเบาหวาน
“ไต” เป็นอวัยวะที่สำคัญมากในการกรองของเสียออกจากร่างกาย และรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ต่างๆ ในร่างกายของวัยทอง แต่เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานๆ มันจะไปทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ที่อยู่ในไต ทำให้ไตทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ สิ่งที่น่ากลัวของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่เกี่ยวกับไต ก็คือ มันไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนในระยะแรกๆ วัยทองหลายคนอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่าไตของตัวเองกำลังเสื่อมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไตทำงานเหลือแค่ 20 – 30% เท่านั้น เมื่อไตเสื่อมมากขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการบวม โดยเฉพาะที่ขาและหน้า ปัสสาวะมีฟองมาก เหนื่อยง่าย และอาจจะมีความดันโลหิตสูงขึ้นด้วย ในระยะสุดท้าย อาจจะต้องเข้ารับการฟอกเลือดหรือการปลูกถ่ายไต
สำหรับคนวัยทองที่เป็นเบาหวาน…ควรจะให้ความสำคัญกับการตรวจไตเป็นประจำ โดยการตรวจปัสสาวะหาโปรตีน และการตรวจเลือดดูการทำงานของไต อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อที่จะได้ตรวจพบและรักษาได้ทันเวลา
3. ตาบอด
การสูญเสียการมองเห็นเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตวัยทองได้มากที่สุด เพราะการมองเห็นเป็นประสาทสัมผัสที่วัยทองใช้ในการใช้ชีวิตประจำวันเกือบทุกอย่าง
โดยเบาหวานสามารถส่งผลต่อสายตาได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น Diabetic Retinopathy ซึ่งเป็นการที่เส้นเลือดฝอยในจอประสาทตาเสียหาย, Diabetic Macular Edema ที่เป็นการบวมของส่วนกลางของจอประสาทตา หรือแม้กระทั่งต้อกระจกขุ่นและต้อหินที่เกิดขึ้นเร็วกว่าคนปกติ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่เกี่ยวกับตานี้เกิดขึ้นได้เพราะว่าเมื่อน้ำตาลในร่างกายของวัยทองสูง เลือดที่สูงจะไปทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ในจอประสาทตา ทำให้เกิดการรั่วซึมของเลือดและน้ำเหลือง หรือบางครั้งเส้นเลือดอาจจะปิดตันไปเลย ส่งผลให้เกิดพื้นที่ขาดเลือดในจอประสาทตา
สิ่งที่น่าเป็นห่วง ก็คือ ในระยะแรกๆ ผู้ป่วยวัยทองอาจจะไม่มีอาการอะไรเลย แต่เมื่อถึงระยะที่มีอาการแล้ว มักจะเป็นระยะที่รักษาได้ยาก หรือไม่สามารถฟื้นฟูการมองเห็นได้แล้ว อาการที่ควรระวังก็เช่น การมองเห็นเบลอ การเห็นจุดดำหรือเส้นลอยในสายตา การมองเห็นบิดเบี้ยว หรือการสูญเสียการมองเห็นทีละส่วน
การป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่เกี่ยวกับตานั้น สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และการตรวจตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง
4. แผลไม่หาย และการตัดขา
หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่ดูน่ากลัวและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของวัยทองได้มากที่สุด ก็คือ “ปัญหาแผลไม่หาย” โดยเฉพาะที่เท้า ซึ่งในบางกรณีอาจจะรุนแรงจนต้องตัดขาทิ้งเลยทีเดียว การที่แผลไม่หายในผู้ป่วยเบาหวานนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ การไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี เพราะหลอดเลือดตีบหรือตัน, ระบบประสาทที่เสียหายทำให้รู้สึกเจ็บปวดลดลง วัยทองจึงมักไม่รู้ตัวเมื่อมีบาดแผล และระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้แผลติดเชื้อง่าย
สำหรับคนวัยทองที่เป็นเบาหวาน ความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานด้านนี้จะสูงขึ้นมาก เพราะผิวหนังเริ่มบาง หายได้ช้า และการเคลื่อนไหวที่ลดลงทำให้เกิดแรงกดทับที่เท้าได้ง่าย การดูแลเท้าจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ต้องตรวจดูเท้าทุกวัน ใส่รองเท้าที่พอดี และไม่รัด รักษาความสะอาด และหากเกิดแผลต้องไปพบแพทย์ทันที ไม่ควรรอจนแผลใหญ่หรือติดเชื้อ
5. ระบบประสาท
ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่เกี่ยวกับระบบประสาท เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยมากในวัยทอง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีเบาหวานมานานๆ และควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานจะไปทำลายเส้นประสาทต่างๆ ทั่วร่างกาย ทำให้การส่งสัญญาณจากสมองไปยังอวัยวะต่างๆ หรือการส่งสัญญาณกลับมาที่สมองเกิดปัญหา ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานด้านระบบประสาท สามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท เช่น ภาวะส่งผลต่อเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้เกิดอาการชา เสียวซ่า หรือปวดแสบปวดร้อนที่มือและเท้า, ภาวะส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร การกลั้นปัสสาวะ หรือการทำงานของหัวใจวัยทอง
อาการของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานด้านระบบประสาทที่ควรสังเกต ได้แก่ ชาหรือเสียวซ่าที่มือเท้า ปวดแสบปวดร้อนโดยเฉพาะตอนกลางคืน การสูญเสียการรู้สึกสัมผัส ปัญหาการทรงตัว ท้องผูก ท้องเสีย ปัสสาวะเล็ดหรือกลั้นไม่อยู่ หรือปัญหาทางเพศ
สำหรับคนวัยทองแล้ว อาการเหล่านี้อาจจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้มาก โดยเฉพาะเรื่องการเดิน การทรงตัว และการนอนหลับ ดังนั้นการควบคุมระดับน้ำตาลให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
“เบาหวาน” ป้องกันไว้ดีกว่ามาแก้ทีหลัง
หลังจากที่ออยลี่ได้เล่าให้วัยทองได้ทราบกันแล้วว่า ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน มีความร้ายแรงมากแค่ไหน คงจะมีหลายคนเริ่มกังวลกัน แต่อย่าตกใจไปนะคะ เพราะภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้ถ้าวัยทองดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ก็คือ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งสำหรับคนทั่วไปควรจะอยู่ที่ระดับ HbA1c ไม่เกิน 7% แต่สำหรับวัยทองหรือผู้ที่มีโรคประกอบอื่นๆ อาจจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกันไป นอกจากการควบคุมน้ำตาลแล้ว การควบคุมความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือดของวัยทอง ก็สำคัญเช่นกัน เพราะปัจจัยเหล่านี้จะไปเสริมกันในการเพิ่มความเสี่ยงของ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน โดยเฉพาะปัญหาหัวใจและหลอดเลือด
การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันก็มีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การนอนหลับให้เพียงพอ การจัดการความเครียด และการเลิกสูบบุหรี่หากสูบ
สำหรับคนวัยทองแล้ว การดูแลเรื่องความปลอดภัยก็สำคัญ เช่น การใส่รองเท้าที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงการใช้ของร้อนจัดหรือเย็นจัดโดยตรง การตัดเล็บอย่างระมัดระวัง และการใช้แว่นตาหากสายตาไม่ชัด ตลอดจนการรับประทานยาตามแพทย์สั่งก็เป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน วัยทองหลายคนอาจจะคิดว่าเมื่อระดับน้ำตาลปกติแล้วก็หยุดยาได้ แต่ความจริงแล้วเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องดูแลรักษาตลอดชีวิต การหยุดยาเองอาจจะทำให้ระดับน้ำตาลกลับมาสูงและเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้ โดยเริ่มต้นง่ายๆ ..
…
“อาหารและการออกกำลังกาย”
…
การที่วัยทองรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นรากฐานสำคัญในการควบคุมเบาหวานและป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน วัยทองหลายคนมักจะคิดว่าผู้ป่วยเบาหวานต้องงดของหวานอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วการกินให้ถูกต้องนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้น สิ่งสำคัญคือการกินให้หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสมและในเวลาที่สม่ำเสมอเพื่อป้องกันอาการเบื่ออาหารของวัยทอง 02:06/68 ควรเน้นการกินข้าวโพดหรือข้าวกล้องแทนข้าวขาว เพิ่มผักและผลไม้ที่ไม่หวานจัด รับประทานโปรตีนจากปลา ไก่ที่ไม่มีหนัง ถั่วต่างๆ และลดการกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
การออกกำลังกายก็เป็นอีกเสาหลักหนึ่งในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานให้แก่วัยทองได้ เพราะการออกกำลังกายช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายใช้น้ำตาลได้ดีขึ้น ลดการดื้อต่ออินซูลิน และยังช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย ยิ่งสำหรับคนวัยทองแล้ว การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องหนักหรือรุนแรง แค่เดินเร็วๆ วันละ 30 นาที หรือทำกิจกรรมที่ชอบเหมือนการเต้นรำ การทำสวน หรือการเล่นกับหลาน ก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีแล้ว
นอกจากนี้…การจัดการความเครียดในวัยทองก็มีส่วนสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน เพราะความเครียดจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น การหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง การอ่านหนังสือ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้มีความสุข จะช่วยให้การควบคุมเบาหวานดีขึ้น
การตรวจสุขภาพและการติดตาม
การตรวจสุขภาพเป็นประจำเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการป้องกันและตรวจพบภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานตั้งแต่ระยะเริ่มแรกแก่วัยทอง เพราะหลายอาการของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานไม่มีอาการเตือนที่ชัดเจน โดยการตรวจที่สำคัญ ได้แก่ การตรวจระดับ HbA1c ทุก 3 – 6 เดือน เพื่อดูว่าการควบคุมน้ำตาลในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร การตรวจหน้าที่ไต โดยการตรวจปัสสาวะหาโปรตีนและการตรวจเลือดดูระดับครีเอทินิน อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
การตรวจตาก็สำคัญมากต่อวัยทอง โดยแนะนำให้ควรไปตรวจตาที่จักษุแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะการตรวจก้นตา เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดในจอประสาทตาหรือไม่ การตรวจเท้าก็ควรทำเป็นประจำ ทั้งการตรวจตัวเองที่บ้านทุกวัน และการให้แพทย์ตรวจอย่างละเอียดทุกครั้งที่ไปพบแพทย์
การตรวจความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือดก็ควรทำเป็นประจำ เพราะปัจจัยเหล่านี้มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงของ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ได้
สำหรับคนวัยทองที่เป็นเบาหวาน ควรมีการติดตามอาการต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก การเปลี่ยนแปลงของการมองเห็น อาการชาหรือเสียวซ่าที่มือเท้า อาการบวม หรือแผลที่หายช้า
เบาหวานรักษาได้ ดูแลได้
แม้ว่า ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน จะฟังดูน่ากลัว แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาวิธีการรักษาและป้องกันอย่างต่อเนื่อง ยาใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าและผลข้างเคียงน้อยกว่าได้รับการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เทคโนโลยีการติดตามระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่องก็ทำให้การควบคุมเบาหวานดีขึ้น และการวิจัยเกี่ยวกับการปลูกถ่ายเซลล์ที่ผลิตอินซูลินก็มีความก้าวหน้า
สิ่งสำคัญ คือ วัยทองทุกคนต้องไม่ยอมแพ้และต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะการดูแลที่ดีในปัจจุบันจะช่วยป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน และทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในอนาคต การที่วัยทองสามารถเข้าใจถึงความร้ายแรงของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อให้เรากลัวหรือหดหู่ใจ แต่เพื่อให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลตัวเองอย่างจริงจัง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจจะดูยากในตอนแรก โดยเฉพาะสำหรับคนวัยทองที่มีนิสัยและวิถีชีวิตที่ติดตัวมานาน แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ทีละขั้นตอนก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้
ยิ่งในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ สามารถช่วยในการดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้มาก เครื่องวัดน้ำตาลในเลือดที่ทันสมัยมีความแม่นยำสูงและใช้งานง่าย แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือสามารถช่วยบันทึกระดับน้ำตาล อาหารที่กิน และการออกกำลังกาย
…
เพราะแรงใจ สามารถสร้างกำลัง
ให้วัยทองก้าวเดินต่อไปได้
…
การดูแลเบาหวานและป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน เป็นเรื่องที่วัยทองต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นเวลานาน การสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ การตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่สามารถทำได้ และเฉลิมฉลองเมื่อบรรลุเป้าหมายจะช่วยให้เรามีกำลังใจในการดูแลตัวเองต่อไป เช่น การลดน้ำหนักเดือนละ 1 กิโลกรัม การเดินเพิ่มขึ้นวันละ 1,000 ก้าว หรือการรับประทานผักเพิ่มขึ้นในแต่ละมื้อ
การมีกิจกรรมที่ทำให้มีความสุขและผ่อนคลายก็สำคัญ เพราะความเครียดส่งผลเสียต่อการควบคุมเบาหวาน การใช้เวลากับครอบครัว การทำกิจกรรมที่ชอบ หรือการช่วยเหลือผู้อื่น จะช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เหมือนกับการได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนจากอาหารเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอสำหรับคนวัยทอง โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน การเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพจึงกลายเป็นทางเลือกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุม
ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูลรับประทานที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการที่หลากหลายของร่างกายในผู้หญิงวัยทองด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 6 ชนิดที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลสุขภาพของคนวัยทอง
- 1. สารสกัดจากถั่วเหลือง
ตัวแรกในสูตรของ ดีเน่ ฟลาโวพลัส คือ สารสกัดจากถั่วเหลืองนำเข้าจากประเทศเสปน ซึ่งเป็นสารสกัดคุณภาพสูงที่อุดมด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ที่มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนตามธรรมชาติ สำหรับคนวัยทองโดยเฉพาะผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจจะส่งผลต่อหลายระบบในร่างกาย รวมถึงระบบไหลเวียนโลหิตและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองจึงช่วยเสริมสร้างสมดุลทางฮอร์โมนและสนับสนุนการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายได้
- 2. สารสกัดจากตังกุย
สมุนไพรที่มีชื่อเสียงในด้านการบำรุงโลหิตและการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบไหลเวียนโลหิตต่อวัยทอง ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ที่เกี่ยวข้องกับระบบหลอดเลือด เพราะการที่เลือดไหลเวียนได้ดีจะช่วยให้การนำส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังอวัยวะต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับคนวัยทองที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาหัวใจและหลอดเลือด การได้รับสารสกัดจากตังกุยสามาถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบไหลเวียนโลหิตและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือดได้
- 3. สารสกัดจากแปะก๊วย
แปะก๊วย หรือ Ginkgo biloba มีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง เพิ่มการจดจำและความสามารถในการเรียนรู้ และช่วยปกป้องเซลล์ประสาทจากการถูกทำลายให้แก่วัยทอง สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สำคัญมากสำหรับคนวัยทองที่อาจจะมีความเสี่ยงต่อ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานสามารถส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทได้ ทำให้เกิดอาการชา เสียวซ่า หรือปวดแสบปวดร้อนที่มือและเท้า การได้รับสารสกัดจากแปะก๊วยอาจจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบประสาทและลดความเสี่ยงของการเกิด ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ด้านนี้ได้
- 4. สารสกัดจากงาดำ
งาดำอุดมไปด้วยแอนติออกซิแดนต์ โดยเฉพาะ Sesamin และ Sesamolin ที่ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระในร่างกาย อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งสามารถเร่งให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ได้
นอกจากนี้…งาดำยังมีไขมันดีชนิดต่างๆ ที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจที่อาจจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวาน และยังช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนวัยทองมักจะให้ความสำคัญ
- 5. ออร์แกนิค แครนเบอร์รี่
ผลไม้ที่มีชื่อเสียงในด้านการปกป้องระบบทางเดินปัสสาวะ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในวัยทอง เพราะระดับน้ำตาลที่สูงในปัสสาวะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แครนเบอร์รี่มีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยป้องกันการเกาะติดของเชื้อแบคทีเรียที่ผนังของระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเกาะติดและก่อให้เกิดการติดเชื้อได้
- 6. อินูลิน พรีไบโอติก
สำหรับผู้ป่วยเบาหวานการมีระบบย่อยอาหารที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญต่อวัยทองมาก เพราะจะช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และลดการดูดซึมน้ำตาลอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ระบบภูมิคุ้มกันประมาณ 70% อยู่ในลำไส้ การมีแบคทีเรียดีในปริมาณที่เพียงพอจึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานได้
*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
และ ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเฉพาะสำหรับผู้ชายวัยทอง โดยได้การออกแบบสูตรของ ดีเน่ แอนโดรพลัส นั้นคำนึงถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพโดยรวมของผู้ชายกับการป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน เพราะการที่ร่างกายมีความแข็งแรงในทุกระบบจะช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้
- 1. สารสกัดจากโสมเกาหลี
โสมเกาหลีมีสารออกฤทธิ์หลักที่เรียกว่า Ginsenosides ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการปรับสมดุลของร่างกาย สารเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายของวัยทองสามารถปรับตัวต่อความเครียดต่างๆ ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเครียดทางกาย ทางจิตใจ หรือแม้กระทั่งความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้…ยังมีงานวิจัยพบว่าโสมเกาหลีอาจช่วยในการปรับปรุงความไวต่ออินซูลิน ซึ่งหมายความว่าเซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะสามารถใช้น้ำตาลได้ดีขึ้น ลดภาระการทำงานของตับอ่อน และช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีเสถียรภาพมากขึ้น
- 2. สารสกัดจากฟีนูกรีก
ฟีนูกรีกมีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหารไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายวัยทอง
สำหรับผู้ชายวัยทองที่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน การได้รับสารสกัดจากฟีนูกรีกอาจช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ลดความผันผวนของระดับน้ำตาลที่อาจจะส่งผลเสียต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
- 3. แอล อาร์จีนีน
แอล อาร์จีนีนเป็นสารตั้งต้นในการสร้าง Nitric Oxide (NO) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น การมีการไหลเวียนของเลือดที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน เพราะจะช่วยให้การส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังอวัยวะต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับผู้ชายวัยทองแล้ว…การมีระดับ Nitric Oxide ที่เพียงพอจะช่วยปรับปรุงการทำงานของหัวใจ ลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด และช่วยรักษาความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือด
- 4. สารสกัดกระชายดำ
กระชายดำมีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต่อการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานในวัยทอง
ในแง่ของการดูแลสุขภาพผู้ชายโดยเฉพาะ กระชายดำมีชื่อเสียงในการช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงทางกาย เพิ่มความอดทน และปรับปรุงการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย การมีระบบร่างกายที่แข็งแรงจะช่วยให้การควบคุมเบาหวานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงของการเกิด ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน
- 5. ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลท
ซิงค์เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การสร้างฮอร์โมน การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และการทำงานของเอนไซม์มากกว่า 300 ชนิดในร่างกายวัยทอง สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การมีระดับซิงค์ที่เพียงพอจะช่วยปรับปรุงการทำงานของอินซูลิน เสริมสร้างการหายของแผล และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายในผู้ป่วยเบาหวาน
- 6. สารสกัดจากแปะก๊วยและงาดำ
สารสกัดจากแปะก๊วย และสารสกัดจากงาดำ จะช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทได้มากขึ้น ซึ่งสำคัญมากสำหรับผู้ชายวัยทองที่อาจจะเริ่มมีปัญหาเรื่องความจำหรือสมาธิ นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของ ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
งาดำให้แอนติออกซิแดนต์ที่สำคัญและไขมันดีที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด สำหรับผู้ชายวัยทองแล้ว งาดำยังมีประโยชน์ต่อการบำรุงผิวพรรณและเส้นผม ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในวัยทอง
*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
การมีทางเลือกในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เหมาะสมกับเพศและวัยเป็นก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพอย่างเฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็น ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) สำหรับความต้องการทั่วไปของคนวัยทอง หรือ ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) หรือ สำหรับความต้องการเฉพาะของผู้ชายวัยทอง ล้วนแล้วแต่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
ท้ายที่สุดแล้ว…การที่วัยทองเป็นเบาหวานไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่แย่ หรือต้องกลัวภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานตลอดเวลา แต่อย่างที่ออยลี่บอกกับทุกคน “เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับโรคนี้อย่างฉลาด” การรู้เท่าทันถึงความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน จะทำให้วัยทองสามารถเตรียมความพร้อมและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้อย่างมาก
สำหรับพี่ๆ น้องๆ วัยทองที่เป็นเบาหวาน หรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน อย่าลืมว่าการดูแลสุขภาพเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิต การใช้เวลาและความพยายามในการดูแลตัวเองวันนี้ จะทำให้เรามีวันพรุ่งนี้ที่แข็งแรงและมีความสุข
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน และจะช่วยให้เราทุกคนสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานและใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้ยาวนานนะคะ
… เพราะดีเน่ DNAe ห่วงใยคุณ
แล้ววัยทองเริ่มห่วงใยตัวเองแล้วหรือยัง? …