ริดสีดวงทวารคืออะไร?

เชื่อว่าคุณผู้อ่านทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า “ริดสีดวงทวาร” กันมาบ้างแล้ว แต่คุณผู้อ่านหลายคนอาจยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าอาการนี้คืออะไรกันแน่? แต่หากคุณมี…

….อุจาระแข็งและมีเลือดออก? พบว่ามีติ่งยื่นออกมาจากก้นของคุณ?

สิ่งเหล่านี้อาจทำให้คุณผู้อ่านอยากสังเกตและทำความเข้าใจมากยิ่งขึ้น…

“ริดสีดวงทวาร” หรือที่แพทย์เรียกว่า “Hemorrhoids” เป็นอาการที่เส้นเลือดบริเวณรอบทวารหนักโป่งพองขึ้น คล้ายกับเส้นเลือดขอดที่ขาของวัยทอง 05:05/68 ที่ใครหลายคนเคยเห็นกัน แต่ตำแหน่งนี้จะอยู่ที่รอบทวารหนักแทน สภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดบริเวณทวารหนักและช่วงปลายของลำไส้ใหญ่ได้รับแรงกดดันมากเกินไป จนทำให้เส้นเลือดเหล่านั้นขยายตัวและโป่งพองออกมา

ริดสีดวงทวาร สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งภายในและภายนอกช่องทวารหนัก ถ้าเป็นแบบภายในจะเรียกว่า “ริดสีดวงทวารภายใน” ส่วนที่เป็นภายนอกจะเรียกว่า “ริดสีดวงทวารภายนอก” ซึ่งแต่ละแบบจะมีอาการและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไปอีกด้วย

  • ริดสีดวงทวารภายใน จะเกิดขึ้นภายในช่องทวารหนัก ประมาณ 2 – 4 เซนติเมตรจากปากทวารหนัก ในระยะแรกๆ วัยทองที่ป่วยอาจไม่รู้สึกปวด เพราะบริเวณนี้มีเส้นประสาทรู้สึกน้อย แต่อาจจะมีเลือดออกเป็นหยดๆ สีแดงสดเมื่อขับถ่าย
  • ริดสีดวงทวารภายนอก จะเกิดขึ้นที่ขอบปากทวารหนัก บริเวณที่มีเส้นประสาทรู้สึกมาก ดังนั้นวัยทองที่ป่วยจะรู้สึกปวดและไม่สบายมากกว่า อาจจะจับก้อนเนื้อได้ที่บริเวณรีมทวารหนัก

สิ่งที่น่าสนใจ คือ ริดสีดวงทวาร ไม่ใช่โรคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นปัญหาสุขภาพที่มีมาตั้งแต่โบราณ มีหลักฐานทางการแพทย์ระบุว่าโรคนี้พบได้ตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ และพบได้บ่อยมากในวัยทองและผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป สถิติแสดงให้เห็นว่าวัยทองและผู้สูงอายุจะมีโอกาสเป็นริดสีดวงทวารสูงถึง 75%

แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ริดสีดวงทวาร ไม่ใช่โรคร้ายแรงที่ไม่สามารถรักษาได้ ถ้าคุณผู้อ่านและวัยทองสามารถเข้าใจสาเหตุ ป้องกันได้ถูกวิธี และรู้จักดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม คุณผู้อ่านก็สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้เหมือนเดิม

ทำไมวัยทองและผู้สูงอายุถึงเสี่ยงมากขึ้น?

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเมื่อเราอายุมากขึ้น ก้าวเข้าสู่วัยทอง จึงมีโอกาสเป็นริดสีดวงทวารมากขึ้นด้วย ความจริงแล้วมีสาเหตุหลายประการที่ทำให้วัยทองและผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกายที่คุณผู้อ่านต้องทำความเข้าใจและปรับตัวนั่นเอง โดยเริ่มต้นได้จาก…

  1. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามอายุ

เมื่ออายุมากขึ้น และร่างกายของเราเข้าสู่วัยทองก็จะเปลี่ยนแปลงไปในหลายๆ ด้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กล้ามเนื้อจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบอุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อหูรูด ที่มีหน้าที่ควบคุมการขับถ่าย เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้อ่อนแอลง ก็จะทำให้การควบคุมการขับถ่ายไม่ดีเท่าที่ควร

นอกจากนี้…เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายจะหย่อนยานลงตามอายุ รวมทั้งเส้นเลือดและเนื้อเยื่อรอบทวารหนักด้วย เส้นเลือดจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ผนังเส้นเลือดบางลง และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่คอยพยุงเส้นเลือดก็อ่อนแอลงด้วย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เส้นเลือดบริเวณทวารหนักโป่งพองง่ายขึ้น และกลายเป็นริดสีดวงทวารได้ง่ายกว่าเมื่อตอนหนุ่มสาว เช่นเดียวกันกับระบบไหลเวียนเลือดของผู้สูงอายุและวัยทองก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่แรงเท่าเดิม การไหลเวียนของเลือดช้าลง โดยเฉพาะในบริเวณที่อยู่ไกลจากหัวใจ เช่น บริเวณเชิงกรานและทวารหนัก ทำให้เลือดค้างอยู่ในเส้นเลือดนานขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดริดสีดวงทวารในวัยทอง

  1. ปัญหาการขับถ่ายที่พบบ่อย

วัยทองและผู้สูงอายุมักมีปัญหาท้องผูกเป็นเรื่องปกติ เพราะระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง น้ำย่อยที่สร้างออกมาก็น้อยลง ทำให้อาหารย่อยช้า และการเคลื่อนย้ายของอุจจาระผ่านลำไส้ก็ช้าตามไปด้วย การที่กิจกรรมทางกายลดลงในวัยทองและผู้สูงอายุ ก็ส่งผลต่อระบบขับถ่ายเช่นกัน เพราะการเคลื่อนไหวของร่างกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เมื่อเคลื่อนไหวน้อยลง ลำไส้ก็ทำงานช้าลงตามไปด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงทวาร

นอกจากนี้…วัยทองและผู้สูงอายุหลายคนยังดื่มน้ำน้อยกว่าที่ควรจะเป็น 05:03/68 วัยทองบางคนกลัวปัสสาวะบ่อย บางคนลืม บางคนรสชาติเปลี่ยนไป เมื่อร่างกายขาดน้ำ อุจจาระก็จะแข็งขึ้น และขับถ่ายยากขึ้น เมื่อมีอาการท้องผูกวัยทองจะต้องเบ่งแรงมากขึ้นในการขับถ่าย การเบ่งแรงนี้เองที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริดสีดวงทวาร เพราะจะเพิ่มความดันในช่องท้องและส่งผลให้เส้นเลือดบริเวณทวารหนักได้รับแรงกดดันมากขึ้น

  1. การใช้ยาที่ส่งผลต่อการขับถ่าย

วัยทองและผู้สูงอายุหลายคนต้องรับประทานยาหลายชนิดเพื่อรักษาโรคประจำตัว ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกเป็นผลข้างเคียง เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ ที่ใช้รักษาอาการปวดเรื้อรัง ยาอัลลูมิเนียม ที่อยู่ในยาแก้กรดไฟลน์ ยาเหล็ก ที่ใช้รักษาโรคโลหิตจาง ยาแคลเซียม ที่ใช้บำรุงกระดูกยากลุ่มต้านการเกร็ง ที่ใช้รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะเกิดความผิดปกติ ยาต้านซึมเศร้าบางชนิด และยาลดความดันโลหิตบางประเภท ก็สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูก และอาจนำไปสู่ริดสีดวงทวารได้

ที่สำคัญ คือ วัยทองและผู้สูงอายุหลายคนไม่รู้ว่ายาที่รับประทาน อาจเป็นสาเหตุของปัญหาท้องผูก จึงไม่ได้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนยา จึงอาจทำให้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจเป็นที่มาของริดสีดวงทวาร

  1. การลดลงของกิจกรรมทางกาย

เมื่อวัยทองอายุมากขึ้น หลายคนมีกิจกรรมทางกายลดลงไป บางคนเป็นเพราะปัญหาสุขภาพ เช่น ปวดเข่า ปวดหลัง หัวใจไม่แข็งแรง วัยทองบางคนเพราะขาดแรงจูงใจ หรือกลัวอันตราย บางคนเพราะไม่มีเพื่อนออกกำลังกายด้วย ทำให้การที่นั่งหรือนอนอยู่เป็นเวลานาน ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี โดยเฉพาะบริเวณเชิงกรานและขา เลือดจะไหลกลับไปยังหัวใจได้ยาก ทำให้เลือดค้างอยู่ในเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก เส้นเลือดเหล่านี้จึงเสี่ยงที่จะโป่งพองขึ้นและกลายเป็นริดสีดวงทวาร

นอกจากนี้…การที่วัยทองขาดการออกกำลังกายยังส่งผลให้กล้ามเนื้อหรือช่องท้องอ่อนแอลง ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง และเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดปัญหาท้องผูก ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของ ริดสีดวงทวาร

  1. ปัจจัยด้านฮอร์โมนและการเปลี่ยนแปลงทางเพศ

ในผู้หญิงวัยทองที่ผ่านวัยหมดประจำเดือนแล้ว ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ฮอร์โมนนี้มีผลต่อความแข็งแรงของเนื้อเยื่อและเส้นเลือด เมื่อระดับเอสโตรเจนลดลง เนื้อเยื่อรอบทวารหนักก็จะอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงทวารมากขึ้น

ส่วนผู้ชายวัยทองที่มีปัญหาต่อมลูกหมาก อาจมีปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะไม่สะดวก ทำให้ต้องเบ่งแรงในการปัสสาวะ การเบ่งแรงนี้ก็เพิ่มความดันในช่องท้องเช่นกัน และส่งผลต่อเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก และอาจทำให้เกิดริดสีดวงทวารได้เช่นกัน

อาการของริดสีดวงทวารในผู้สูงอายุ

หากคุณผู้อ่านและวัยทองยังไม่แน่ใจว่าตนเองเข้าข่ายหรือไม่? อยากให้ลองทำความรู้จักอาการของ ริดสีดวงทวารให้มากยิ่งขึ้น เพราะจะช่วยทำให้เราสามารถตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทองที่อาการอาจแสดงออกแตกต่างจากคนหนุ่มสาว

อาการเบื้องต้นที่ควรสังเกต

  • อาการคันรอบทวารหนัก เป็นอาการแรกๆ ที่วัยทองหลายคนจะสังเกตได้ บริเวณรอบทวารหนักจะรู้สึกคันๆ เหมือนมีอะไรระคายเคือง อาการคันนี้มักจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ โดยเฉพาะหลังการขับถ่าย หรือเมื่อนั่งนานๆ อาการคันอาจรุนแรงขึ้นเมื่อมีการเสียดสีจากการเช็ดทำความสะอาด หรือจากเสื้อผ้าที่รัดแน่น ซึ่งอาจเป็นอาการที่บ่งบอกถึงริดสีดวงทวารได้
  • ความรู้สึกไม่สบายและอึดอัด ผู้ป่วยวัยทองจะรู้สึกไม่สบายบริเวณทวารหนัก เหมือนมีอะไรอุดตัน หรือรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อพิเศษอยู่ในบริเวณนั้น ความรู้สึกนี้อาจจะมีตลอดเวลา หรือเฉพาะเวลานั่ง โดยเฉพาะการนั่งบนพื้นผิวที่แข็ง
  • ความรู้สึกเปียกชื้น เนื่องจากริดสีดวงทวารอาจมีการหลั่งเมือกออกมา ทำให้บริเวณรอบทวารหนักรู้สึกเปียกชื้นอยู่เสมอ ซึ่งยิ่งทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองมากขึ้น

อาการที่รุนแรงขึ้น

  • ปวดแสบปวดร้อน เมื่ออาการริดสีดวงทวารดำเนินไปนานขึ้น จะเริ่มมีอาการปวดแสบปวดร้อน โดยเฉพาะตอนขับถ่ายอุจจาระ หรือหลังขับถ่ายเสร็จ อาการปวดนี้อาจจะคล้ายกับการถูกไฟไหม้ หรือมีความรู้สึกแสบร้อน ในผู้สูงอายุและวัยทองอาการปวดนี้อาจจะรุนแรงและยืดเยื้อนานกว่า เพราะกระบวนการฟื้นฟูของร่างกายช้าลง และอาจมีปัญหาการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดีทำให้อาการอักเสบลดช้า
  • เลือดออกทางทวารหนัก นี่เป็นอาการที่อาจบ่งบอกถึงการมาของริดสีดวงทวารที่ทำให้หลายคนตกใจมาก อาจพบเลือดสีแดงสดติดมากับอุจจาระ หรือเห็นเลือดหยดลงในโถส้วม บางครั้งอาจพบเลือดเป็นคราบใหม่ๆ บนกระดาษทิชชูเมื่อเช็ดทำความสะอาด สำหรับวัยทองและผู้สูงอายุ…ควรให้ความสำคัญกับอาการเลือดออกทางทวารหนักเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่า เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ การมีเลือดออกทางทวารหนักเป็นครั้งแรกในผู้สูงอายุ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
  • ก้อนเนื้อโป่งออกมา ในระยะที่รุนแรงของริดสีดวงทวาร อาจจะจับก้อนเนื้อที่โป่งออกมาจากทวารหนักได้ ก้อนเนื้อนี้อาจจะยื่นออกมาเฉพาะตอนขับถ่าย แล้วหดกลับเข้าไปเอง หรืออาจจะยื่นออกมาตลอดเวลาและต้องใช้มือดันกลับเข้าไป

อาการแทรกซ้อนที่ต้องระวัง

  • ปวดรุนแรงกะทันหัน ถ้าวัยทองท่านใดเกิดอาการปวดรุนแรงกะทันหัน โดยเฉพาะแบบปวดจี๊ดๆ หรือปวดเหมือนถูกมีดแทง อาจเป็นสัญญาณของการเกิดลิ่มเลือดในริดสีดวงทวาร ซึ่งเป็นอาการที่ต้องรีบพบแพทย์ เพราะอาจต้องผ่าตัดเอาลิ่มเลือดออก
  • เลือดออกมากผิดปกติ ถ้าวัยทองท่านใดมีเลือดออกมากจนทำให้เวียนศีรษะ รู้สึกอ่อนเพลียมาก ใจสั่น หรือหน้าซีด ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการเสียเลือดมาก
  • มีไข้ร่วมด้วย ถ้าวัยทองมีอาการไข้ร่วมกับริดสีดวงทวาร อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรือมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ซึ่งต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
  • ก้อนเนื้อยื่นออกมาไม่หดกลับ ถ้าวัยทองท่านใดที่มีก้อนเนื้อที่โป่งออกมาจากทวารหนักไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ หรือดันเข้าไปแล้วโผล่ออกมาอีกทันที แสดงว่าอาการริดสีดวงทวาร รุนแรงขึ้นแล้ว อาจต้องการการรักษาแบบผ่าตัด

อาการที่แตกต่างในวัยทองและผู้สูงอายุ

  • ในวัยทองและผู้สูงอายุ อาการของริดสีดวงทวารอาจแสดงออกแตกต่างจากคนหนุ่มสาวในหลายประการ อาการปวดอาจไม่รุนแรงมากเท่าที่ควร เพราะเส้นประสาทรู้สึกอาจไม่ไวเท่าเดิม ทำให้วัยทองและผู้สูงอายุบางคนอาจมองข้ามอาการไป จนกระทั่งรุนแรงมากแล้วจึงมาพบแพทย์ ตลอดจนการรักษาความสะอาดในวัยทองและผู้สูงอายุอาจทำได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร เพราะปัญหาการมองเห็น การเคลื่อนไหว หรือความจำที่เสื่อมลง ทำให้อาการริดสีดวงทวารอาจติดเชื้อง่ายขึ้น

สาเหตุหลัก…ที่ทำให้เกิดริดสีดวงทวาร

เพื่อให้วัยทองทุกท่านและคุณผู้อ่านทุกคนได้เท่าทันต่อการป้องกันริดสีดวงทวารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจำเป็นต้องเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนี้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในวัยทองและผู้สูงอายุที่มีปัจจัยเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่น โดยมีสาเหตุเริ่มต้นที่…

ปัจจัยความดันที่เพิ่มขึ้นในช่องท้อง

  1. การเบ่งแรงขณะขับถ่าย 

เป็นสาเหตุหลักที่สำคัญที่สุดของการเกิด ริดสีดวงทวาร เมื่อวัยทองมีอุจจาระแข็ง หรือมีปัญหาท้องผูก วัยทองจะต้องเบ่งแรงมากขึ้นเพื่อให้อุจจาระออกมา การเบ่งแรงนี่เองจะเพิ่มความดันในช่องท้องขึ้นอย่างมาก และส่งผลให้เส้นเลือดบริเวณทวารหนักได้รับแรงกดดันที่เกินขีดจำกัด

เมื่อวัยทองเบ่งแรงมากขึ้น…ความดันในช่องท้องจะเพิ่มขึ้นถึง 3 – 4 เท่าของปกติ ความดันสูงนี้จะถ่ายทอดไปยังเส้นเลือดในทุกส่วนของช่องท้อง รวมทั้งเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก ถ้าทำแบบนี้บ่อยๆ เส้นเลือดจะขยายตัวและไม่สามารถหดกลับสู่สภาพเดิมได้ จึงกลายเป็นริดสีดวงทวาร

  1. การนั่งในห้องน้ำเป็นเวลานาน 

โดยเฉพาะวัยทองท่านใดที่ชอบเข้าไปนั่งบนชักโครกเป็นเวลานาน สิ่งนี้อาจทำให้เส้นเลือดบริเวณทวารหนักได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง ในวัยทองที่อาจมีปัญหาการขับถ่ายไม่สะดวก หรือชอบอ่านหนังสือในห้องน้ำ การนั่งนานเกินไปจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจทำให้เกิดริดสีดวงทวารได้

  1. การยกของหนัก 

วัยทองที่ยังต้องยกหิ้วของหนัก หรือเบ่งแรงในกิจกรรมต่างๆ เช่น การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ การทำสวน ก็จะเพิ่มความดันในช่องท้องและส่งผลต่อริดสีดวงทวารได้เช่นกัน

ปัจจัยด้านอาหารและการย่อย

  1. การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยน้อย

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดท้องผูกในวัยทอง อาหารที่ขาดเส้นใย เช่น ข้าวขาวขัด เนื้อสัตว์มากเกินไป อาหารแปรรูปต่างๆ จะทำให้อุจจาระแข็งและมีปริมาณน้อย การขับถ่ายจึงยาก ต้องเบ่งแรงมากขึ้น

โดยเฉพาะในวัยทองและผู้สูงอายุบางราย…ปัญหานี้มักจะรุนแรงกว่า เพราะฟันอาจไม่แข็งแรง หรือใส่ฟันปลอม ทำให้เคี้ยวอาหารที่มีเส้นใย เช่น ผักและผลไม้ได้ไม่ดี จึงหันไปทานอาหารที่นิ่มและมีเส้นใยน้อยแทน หรือในวัยทองบางท่านที่ไม่ชอบทานผัก 09:05/68 ก็เป็นสาเหตุของการเกิดริดสีดวงทวารจากการขับถ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพได้

  1. การดื่มน้ำน้อย

ร่างกายของวัยทองที่ขาดน้ำจะทำให้อุจจาระแข็งได้ เพราะลำไส้ใหญ่จะดูดซับน้ำจากอุจจาระมากขึ้น เพื่อชดเชยความขาดแคลนน้ำในร่างกาย นอกจากนี้…การขาดน้ำยังทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง จึงอาจเป็นที่มาของริดสีดวงทวารอีกทางหนึ่งได้

ในผู้สูงอายุและวัยทองมักมีปัญหาการดื่มน้ำไม่เพียงพอ เพราะความรู้สึกกระหายน้ำลดลง กลัวปัสสาวะบ่อย หรือลืมดื่ม บางคนอาจมีปัญหาการกลืนที่ไม่สะดวก จึงหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำ

  1. การรับประทานอาหารเผ็ดจัดและมีแอลกอฮอล์ 

อาหารเผ็ดจัดอาจไประคายเคืองเยื่อบุทางเดินอาหารของวัยทองได้อย่างไม่รู้ตัว และทำให้เกิดการอักเสบบริเวณทวารหนัก แอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ และส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร และอาจเป็นที่มาของริดสีดวงทวารได้

ปัจจัยด้านพฤติกรรมและการใช้ชีวิต

  1. การขาดการออกกำลังกาย 

การไม่ออกกำลังกายของวัยทองจะทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายอ่อนแอ รวมทั้งกล้ามเนื้อรอบช่องท้องและกล้ามเนื้อที่ช่วยในการขับถ่าย ระบบย่อยอาหารก็จะทำงานช้าลง การไหลเวียนเลือดไม่ดี โดยเฉพาะในบริเวณเชิงกรานและขา จนอาจนำไปสู่ริดสีดวงทวารในอนาคต

ในผู้สูงอายุและวัยทองเรื่องของการขาดการออกกำลังกายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะหลายคนมีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว มีโรคประจำตัว หรือขาดแรงจูงใจ ทำให้นั่งหรือนอนอยู่เป็นเวลานาน

  1. การรั้งอุจจาระ 

วัยทองบางท่านมีนิสัยรั้งอุจจาระเมื่อรู้สึกอยากขับถ่าย เพราะไม่สะดวก หรือไม่อยากใช้ห้องน้ำสาธารณะ การรั้งอุจจาระจะทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดซับน้ำจากอุจจาระมากขึ้น อุจจาระจึงแข็งมากขึ้น และต้องเบ่งแรงมากขึ้นในภายหลัง จึงอาจทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารได้

  1. การนั่งเป็นเวลานานโดยไม่ลุกเดิน 

โดยเฉพาะการนั่งบนเก้าอี้แข็งๆ หรือพื้นผิวที่ไม่นุ่ม จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีในบริเวณเชิงกราน โดยเลือดจะค้างอยู่ในเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก ทำให้เกิดริดสีดวงทวารตามมาได้ แนะนำให้วัยทองควรลุกเดินสับเปลี่ยนท่าทาง

ปัจจัยด้านพันธุกรรมและครอบครัว

การมีประวัติครอบครัวเป็นริดสีดวงทวาร เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นได้ ถ้าพ่อแม่ หรือญาติสายตรงเคยเป็นริดสีดวงทวาร ลูกหลานก็มีโอกาสเป็นได้สูงขึ้น เพราะอาจจะมีลักษณะทางกายภาพที่คล้ายกัน เช่น ผนังเส้นเลือดบาง เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอ่อนแอ หรือการทำงานของระบบย่อยอาหารที่คล้ายคลึงกัน

ปัจจัยด้านโรคประจำตัวและยา

  1. โรคมะเร็งในระบบย่อยอาหาร 

ก้อนมะเร็งในลำไส้ใหญ่หรือรังไข่ อาจไปกดทับและทำให้เกิดอาการท้องผูก หรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับถ่ายจนอาจเป็นที่มาของริดสีดวงทวาร ในวัยทองและผู้สูงอายุควรระวังเป็นพิเศษ เพราะมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งเหล่านี้

  1. โรคเส้นเลือดขอดที่ขา

วัยทองหรือผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดที่ขาแล้ว มีโอกาสเป็นริดสีดวงทวารได้ง่ายขึ้น เพราะแสดงว่าระบบเส้นเลือดมีปัญหาโดยทั่วไป

  1. โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง

การใช้ยาบางชนิดของวัยทองสำหรับรักษาโรคเหล่านี้ เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาแคลเซียมแชนเนลบล็อกเกอร์ อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกเป็นผลข้างเคียงจนเกิดเป็นริดสีดวงทวารได้เช่นกัน

  1. โรคเบาหวาน 

วัยทองหรือผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี อาจมีปัญหาเส้นประสาทเสื่อม ส่งผลต่อการควบคุมการขับถ่าย และการรับรู้ความรู้สึกบริเวณทวารหนักได้ไม่ดี จนอาจทำให้เกิดริดสีดวงทวารตามมาได้อย่างไม่รู้ตัว

… เมื่อ “รู้สาเหตุ” และทราบถึง “ปัจจัยและที่มา” ของการเกิดริดสีดวงทวารแล้ว

การป้องกันตัวก่อนเกิดริดสีดวงทวารจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน…

วิธีป้องกันที่ใครก็สามารถทำได้…ห่างไกลริดสีดวงทวาร

การป้องกันที่ดีเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ เพราะจะช่วยให้วัยทองและคุณผู้อ่านไม่ต้องเจ็บปวดและไม่ต้องเสียเวลาเสียเงินในการรักษา ที่สำคัญ…สิ่งที่เรารวบรวมมาให้ในครั้งนี้ไม่เพียงแค่วัยทองและผู้สูงอายุทำตามได้เท่านั้น 

แต่เรายังหมายถึง…ผู้คนทุกเพศ ทุกวัยก็สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดริดสีดวงทวารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่าย

  1. ไม่รั้งอุจจาระ 

นี่…ถือเป็นข้อแรกที่สำคัญที่สุด เมื่อวัยทองท่านใดรู้สึกอยากขับถ่าย ควรรีบไปขับถ่ายทันที อย่ารั้งเอาไว้ เพราะจะทำให้อุจจาระแข็งขึ้นและต้องเบ่งแรงมากขึ้นในภายหลัง โดยแนะนำให้วัยทองและผู้สูงอายุควรตั้งเวลาขับถ่ายให้เป็นนิสัย เช่น หลังตื่นนอน หรือหลังอาหารเช้าเพื่อป้องกันการเกิดริดสีดวงทวาร

การที่วัยทองสร้างกิจวัตรการขับถ่ายที่สม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวและลำไส้จะทำงานได้ดีขึ้น ควรใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที หลังอาหารเพื่อไปนั่งในห้องน้ำ แม้จะไม่รู้สึกอยากขับถ่ายก็ตาม

  1. ไม่นั่งในห้องน้ำนาน 

วัยทองและคุณผู้อ่านทุกท่านควรใช้เวลาในการขับถ่ายไม่เกิน 5 – 10 นาที และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเล่นโทรศัพท์ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอื่นในห้องน้ำ การนั่งนานเกินไปจะเพิ่มแรงกดดันต่อเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก ซึ่งอาจเกิดริดสีดวงทวารตามมาได้

ถ้าเกิดวัยทองท่านใดมีการขับถ่ายไม่ออกภายใน 10 นาที แนะนำให้ควรลุกขึ้นเดินๆ ก่อน แล้วกลับมาลองใหม่ในภายหลัง อย่าฝืนนั่งรอจนกว่าจะขับถ่ายออก

  1. ไม่เบ่งแรงจนเกินไป 

ถ้าวัยทองขับถ่ายไม่ออก ก็แนะนำว่าไม่ควรเบ่งแรงจนเกินไป เพราะจะทำลายเส้นเลือดบริเวณทวารหนักและอาจเป็นที่มาของริดสีดวงทวารได้ หากไม่ออกควรหยุดพักก่อน ดื่มน้ำ เดินๆ แล้วลองใหม่ในภายหลัง

และหากวัยทองท่านใดที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม มากกว่าการเบ่งแรงด้วยตนเองจนเกิดริดสีดวงทวารตามมา

  1. การใช้ท่าขับถ่ายที่ถูกต้อง

การนั่งขับถ่ายบนชักโครกสมัยใหม่อาจไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร แนะนำให้วัยทองควรใช้แป้นรองเท้าหรือเก้าอี้เตี้ยๆ รองใต้เท้า เพื่อให้เข่าสูงกว่าสะโพก จะทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้แรงเบ่ง ช่วยลดการทำลายเส้นเลือดบริเวณทวารหนักและอาจเป็นที่มาของริดสีดวงทวารได้


อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น

  1. เพิ่มเส้นใยในอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

แนะนำให้วัยทองและคุณผู้อ่านทุกท่านควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง โดยเพิ่มทีละน้อยเพื่อให้ร่างกายปรับตัว การเพิ่มเส้นใยมากเกินไปในครั้งเดียวอาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และมีแก๊สมากที่แนะนำให้ทานผักมากขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งเส้นใยที่ดีที่สุด และยังมีวิตามิน แร่ธาตุ ที่ช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย ผักที่แนะนำ ได้แก่ ผักโขม ผักกาดขาว ผักบุ้ง กะหล่ำปลี บรอกโคลี แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ ช่วยทำให้อุจจาระถ่ายง่ายขึ้น ห่างไกลจากริดสีดวงทวารได้

โดยสำหรับผู้สูงอายุและวัยทองที่เคี้ยวลำบาก ควรหั่นผักให้เล็ก ต้มให้นิ่ม หรือปั่นเป็นน้ำผัก แต่ไม่ควรกรองเอาเส้นใยออก การทำสลัดผักก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องหั่นให้ละเอียด

  1. ผลไม้สดที่มีเส้นใยสูง 

ผลไม้จะให้ทั้งเส้นใยและน้ำ ซึ่งช่วยให้อุจจาระของวัยทองนิ่มขึ้น ผลไม้ที่ดีสำหรับริดสีดวงทวาร ได้แก่ แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ส้ม องุ่น มะละกอ กีวี่ ลูกพรุน มะเฟือง 

โดยหากวัยทองเลือกไม่ถูกแนะนำให้ทานลูกพรุน เพราะเป็นผลไม้แห้งที่ช่วยระบายท้องได้ดีมาก ควรแช่น้ำข้ามคืนแล้วกินตอนเช้า หรือทำเป็นน้ำลูกพรุนดื่ม แต่ต้องระวังไม่ให้ทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้ท้องเสีย และป้องกันการนั่งนานซึ่งอาจนำไปสู่ริดสีดวงทวารที่เราไม่ต้องการให้เกิด

  1. ธัญพืชเต็มเมล็ด

เป็นแหล่งเส้นใยที่ดีและให้พลังงานอย่างยั่งยืนแก่วัยทอง ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์ โอ๊ต ข้าวโพดป่น แป้งข้าวโพด ขนมปังธัญพืชรวม พาสต้าแป้งเต็มเมล็ด โดยเฉพาะ “โอ๊ต” ที่เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับผู้สูงอายุและวัยทอง เพราะง่ายต่อการเตรียม กินง่าย และมีเส้นใยชนิด beta-glucan ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลด้วย

  1. ถั่วชนิดต่างๆ 

ถั่วมีทั้งเส้นใยและเป็นโปรตีนจากพืช 05:02/68 ช่วยให้วัยทองอิ่มนานและบำรุงกล้ามเนื้อ ได้แก่ ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วลิง ถั่วฮาร์โดโซย ถั่วเลนทิล ถั่วชิกพี

สำหรับผู้สูงอายุและวัยทองที่ท้องอืดง่าย ควรเริ่มทานถั่วทีละน้อย และต้มให้นิ่มมาก การแช่ถั่วข้ามคืนก่อนต้มจะช่วยลดการทำให้ท้องอืดได้

  1. น้ำและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ

น้ำเปล่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แนะนำให้วัยทองควรดื่มวันละ 1.5 – 2 ลิตร โดยเลือกดื่มน้ำอุ่นจะดีกว่าน้ำเย็นสำหรับระบบย่อยอาหาร น้ำผลไม้สดที่ไม่กรองเอาเส้นใยออก น้ำผักสด น้ำซุปใส ชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีนก็สามารถดื่มได้เช่นกัน ลดการเกิดริดสีดวงทวาร

  1. อาหารที่มีโปรไบโอติก

จุลินทรีย์ดี…จะช่วยปรับสมดุลในลำไส้ของวัยทองและช่วยการย่อยให้ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้ลด ได้แก่ โยเกิร์ตธรรมชาติ เคเฟียร์ กิมจิ ดองผัก น้ำตาลหนับ มิโซะ เทมเป้

  1. น้ำมันดีและไขมันดี

ไขมันดีจะช่วยหล่อลื่นให้กับลำไส้ของวัยทอง ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันงา อะโวคาโด่ ถั่วอัลมอนด์ ถั่ววอลนัท เมล็ดเชีย เมล็ดแฟลกซ์

นอกจากอาหารหลักตามโภชนาการที่ดีต่อร่างกายของวัยทองแล้ว อาหารรองอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริมก็มีส่วนช่วยในจุดที่คุณก็อาจไม่คาดคิด แน่นอนว่าการเข้าสู่วัยทองนอกจากจะเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เมื่อเราอายุมากขึ้นแล้ว อาการต่างๆ ที่มาพร้อมกับวัยทองก็มีด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อาการร้อนวูบวาบ อาการนอนไม่หลับ อาการหงุดหงิดง่ายจากอารมณ์ที่แปรปรวน ตลอดจนอาการริดสีดวงทวาร เพราะมีสิ่งดีๆ มานำเสนอ เราจึงอยากให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักกับ…

ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) อาหารเสริมสำหรับคุณผู้หญิงวัยทองโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์นี้น่าสนใจตรงที่มีสารสกัดหลากหลายชนิดที่ทำงานเสริมกัน เหมือนเป็นทีมเล็กๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพเราจากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็น…

  • สารสกัดจากถั่วเหลืองที่นำเข้าจากสเปน ที่มีสารไอโซฟลาโวนที่ช่วยเรื่องฮอร์โมน ซึ่งในวัยทองการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมีผลต่อสุขภาพโดยรวม รวมถึงเพิ่มความความแข็งแรงของผนังหลอดเลือดป้องกันการเกิดริดสีดวงทวาร
  • สารสกัดจากตังกุย สมุนไพรจีนโบราณที่ช่วยบำรุงเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งสำคัญมากสำหรับวัยทองโดยเฉพาะบริเวณทวารหนักที่ต้องการเลือดไหลเวียนที่ดี
  • แปะก๊วย ก็เป็นอีกตัวที่ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดของวัยทอง ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น
  • สารสกัดจากงาดำ มีวิตามินอีและแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิวหนังและเยื่อเมือกให้กับร่างกายของวัยทอง ทำให้บริเวณทวารหนักแข็งแรงขึ้น ช่วยลดการเกิดริดสีดวงทวารนั่นเอง
  • ออร์แกนิคแครนเบอร์รี่ นอกจากจะช่วยเรื่องทางเดินปัสสาวะแก่วัยทองแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้อีกด้วย
  • อินูลิน พรีไบโอติก นี่แหละ คือ กุญแจสำคัญสำหรับการขับถ่ายของวัยทอง เพราะพรีไบโอติกเป็นอาหารของแบคทีเรียดีในลำไส้ เมื่อแบคทีเรียดีเจริญเติบโต ระบบขับถ่ายก็จะดีขึ้น ไม่เป็นท้องผูก ลดการเสียดทานตอนถ่าย ลดการเกิดริดสีดวงทวาร

*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

สำหรับคุณผู้ชายวัยทองก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะเขาก็มีเหมือนกันกับ ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) อาหารเสริมสารสกัดธรรมชาติเพื่อคุณผู้ชายโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เหมือนเป็นกล่องเครื่องมือสำหรับผู้ชาย เพราะมีส่วนประกอบที่ช่วยดูแลทั้งพลังงาน การไหลเวียนเลือด และระบบฮอร์โมน ได้แก่…

  • โสมเกาหลี ทำหน้าที่เหมือนเป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ให้ร่างกายวัยทอง ช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงโดยรวม เมื่อร่างกายมีพลัง การไหลเวียนของเลือดก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
  • ฟีนูกรีก สมุนไพรที่ช่วยสนับสนุนระดับฮอร์โมนเพศชาย เมื่อวัยทองมีฮอร์โมนที่สมดุล กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่างๆ ก็จะแข็งแรงขึ้น รวมถึงกล้ามเนื้อรอบทวารหนักด้วย ป้องกันริดสีดวงทวาร
  • แอล อาร์จีนีน ตัวเด็ดจริงๆ สำหรับผู้ชายวัยทอง เพราะช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น รวมถึงบริเวณทวารหนักที่ต้องการเลือดไหลเวียนที่ดีเพื่อป้องกันริดสีดวงทวาร
  • กระชายดำ เป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลังและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้แก่ร่างกายวัยทอง ช่วยเสริมการทำงานของ L-Arginine ให้ดียิ่งขึ้น
  • แปะก๊วย ที่มีใน Androplus นี้ให้ปริมาณที่มากถึงสองเท่า เพราะผู้ชายวัยทองมักต้องการการไหลเวียนเลือดที่ดีมากกว่า
  • ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลท เป็นรูปแบบซิงค์ที่ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด ซิงค์มีความสำคัญมากต่อการสร้างคอลลาเจนให้กับวัยทอง ซึ่งเป็นโปรตีนหลักในผนังหลอดเลือดและเนื้อเยื่อต่างๆ เมื่อมีซิงค์เพียงพอ เนื้อเยื่อจะแข็งแรงและยืดหยุ่นดี
  • งาดำ เพราะผู้ชายวัยทองต้องการวิตามินอีและแร่ธาตุในการบำรุงผิวหนังและเยื่อเมือกด้วยเช่นกัน

*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

เมื่อ ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) และ ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) มาดูคู่กัน จะเห็นว่าเป็นการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรให้กับวัยทอง โดยทั้งคู่มีจุดร่วมที่สำคัญ คือ การช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและดูแลริดสีดวงทวาร เพราะเมื่อเลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นได้ดี เนื้อเยื่อจะแข็งแรง หลอดเลือดดำจะไม่บวม และอาการริดสีดวงทวารก็จะลดลง

โดยแนะนำให้วัยทองทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมกับอาหารมื้อที่สะดวก และรับประทานใช้เป็นระยะเวลาต่อเนื่องจึงสำคัญเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์เต็มที่

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัด

  1. อาหารแปรรูปและฟาสต์ฟู้ด 

อาหารเหล่านี้มักมีเส้นใยน้อย ไขมันสูง และสารกันเสียมาก ได้แก่ แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ไส้กรอก แฮม เบคอน ขนมขบเคี้ยว อาหารกระป่อง ลูกชิ้นเจ โดยอาหารแปรรูปที่หลายคนชอบทานโดยเฉพาะวัยทองมักมีโซเดียมสูง ซึ่งทำให้กักเก็บน้ำในร่างกายและส่งผลเสียต่อระบบไหลเวียนเลือด และอาจเป็นที่มาของสาเหตุการเกิดริดสีดวงทวารได้

  1. อาหารทอดและไขมันอิ่มตัวสูง 

อาหารทอดจะย่อยยาก ทำให้ระบบย่อยอาหารของวัยทองทำงานช้าและอาจทำให้ท้องผูกจนเกิดการเบ่งที่รุนแรงซึ่งอาจนำไปสู่ริดสีดวงทวารต่อได้ โดยได้แก่อาการจำพวก ไก่ทอด ปลาทอด เฟรนช์ฟรายส์ โดนัท ขนมครก อาหารจีนทอดกรอบ

  1. เนื้อแดงและเนื้อแปรรูป

เนื้อแดงมีไขมันอิ่มตัวสูง ย่อยยาก และไม่มีเส้นใยเลย หากวัยทองรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ท้องผูก อุจจาแข็ง เกิดการเบ่งถ่ายมากขึ้นจนอาจนำไปสู่ริดสีดวงทวารต่อได้ เพราะถ่ายยาก โดยมีประกอบด้วย เช่น ไส้กรอก แฮม หมูหยอง หมูแผ่น

ซึ่งหากวัยทองท่านใดต้องการกินเนื้อ แนะนำว่าควรเลือกเนื้อสีขาว เช่น ปลา ไก่ และควรกินร่วมกับผักมากๆ จะดีมากยิ่งขึ้น

  1. ข้าวขาวขัดและแป้งขาว 

ข้าวขาวขัดจะไม่มีเส้นใยเหลืออยู่ การรับประทานข้าวขาวเป็นอาหารหลักอาจทำให้วัยทองมีอาการท้องผูกได้ ขนมปังขาว บิสกิต เค้ก ขนมหวานจากแป้งขาว ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน

  1. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ 

กาแฟ ชาเข้มข้น เครื่องดื่มให้พลังงาน เบียร์ ไวน์ สุรา จะทำให้ร่างกายของวัยทองขาดน้ำ และส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่อาการริดสีดวงทวารได้เช่นกัน

  1. ขนมหวานและน้ำตาล

น้ำตาลที่มากเกินไปจะให้พลังงานเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์แก่ร่างกายของวัยทอง และอาจรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลูกอม ช็อกโกแลต เค้ก ไอศกรีม น้ำอัดลม ควรหลีกเลี่ยงและงดรับประทาน

  1. อาหารเผ็ดจัดและเครื่องเทศแรง 

อาหารเผ็ดมากเกินไปอาจระคายเคืองทางเดินอาหารของวัยทอง และทำให้เกิดการอักเสบบริเวณทวารหนัก พริกแกง มะม่วงดอง อาหารส้มรสจัด ควรงดหรือลดลงให้ได้มากที่สุด

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

  1. เดินเป็นประจำ

การเดิน เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับวัยทอง เพราะนอกจากจะปลอดภัยแล้ว ยังง่าย และได้ผลดี โดยแนะนำให้วัยทองควรเดินวันละ 30 นาที หรือ 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าเดินยาวไม่ไหว อาจแบ่งเป็น 3 ครั้ง ครั้งละ 10 นาทีก็ได้เช่นกัน

ประโยชน์จากการเดินจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ภายในร่างกายของวัยทอง ทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ก็ลดความเสี่ยงของริดสีดวงทวารได้ ควรเลือกเดินในที่ที่มีอากาศดี พื้นเรียบ และปลอดภัย

  1. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

การยืดเหยียดร่างกายสำหรับวัยทอง จะช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น ไม่ตึงเกร็ง และระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อรอบเอว หลัง และขา เป็นประจำ การทำโยคะหรือไทชิก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับวัยทอง เพราะช่วยทั้งการยืดเหยียดและการผ่อนคลาย มีท่าหลายท่าที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดความเสี่ยงริดสีดวงทวาร

  1. การออกกำลังกายกล้ามเนื้อเชิงกราน

การออกกำลังกายกล้ามเนื้อเชิงกราน จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบทวารหนักให้กับวัยทอง ทำได้โดยการหดกล้ามเนื้อเหมือนจะรั้งปัสสาวะ ค้างไว้ 5 วินาที แล้วผ่อนคลาย แนะนำให้วัยทองทำครั้งละ 10 – 15 ครั้ง วันละ 3 เซ็ต

การจัดการความเครียดและอารมณ์

  1. ความเครียดส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร

ความเครียดของวัยทอง…ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ เพราะวัยทองมักมีความเครียดจากปัญหาสุขภาพ ปัญหาการเงิน หรือความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ดังนั้น ควรหาวิธีคลายเครียด เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง การอ่านหนังสือ การพบปะเพื่อนฝูง

  1. นอนหลับให้เพียงพอ 

การนอนไม่เพียงพอของวัยทอง จะส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร และเพิ่มความเครียด โดยวัยทองและผู้สูงอายุควรนอนวันละ 7 – 8 ชั่วโมง และนอนตื่นในเวลาที่สม่ำเสมอ เพื่อให้การขับถ่ายมาตรงกับความต้องการที่เป็นกิจวัตร

ปรึกษา – เข้ารับการรักษาและดูแลอย่างถูกต้อง

เมื่อวัยทองเกิดอาการ ริดสีดวงทวาร ขึ้นแล้ว การรักษาและดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้อาการดีขึ้น ลดความเจ็บปวด และป้องกันไม่ให้รุนแรงมากขึ้น สำหรับผู้สูงอายุ การรักษาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและโรคประจำตัวด้วย

การรักษาด้วยตนเองสำหรับอาการเบื้องต้น

  • การแช่น้ำอุ่น ป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากสำหรับการรักษาริดสีดวงทวาร โดยวัยทองนำอ่างใส่น้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 37 – 40 องศาเซลเซียส แล้วนั่งแช่บริเวณเชิงกรานประมาณ 10 – 15 นาที วันละ 2 – 3 ครั้ง โดยเฉพาะหลังการขับถ่าย น้ำอุ่นจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดอาการปวดและบวม ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกร็ง และช่วยทำความสะอาดบริเวณทวารหนัก สำหรับผู้สูงอายุที่ลงอ่างไม่สะดวก อาจใช้อ่างแช่แบบพกพาที่วางบนชักโครกได้
  • การใช้ยาทาภายนอก ใช้ครีมหรือเจลสำหรับรักษาริดสีดวงทวาร ขายตามร้านขายยาทั่วไป ควรเลือกที่มีส่วนผสมของ Hydrocortisone ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบ หรือ Lidocaine ที่ช่วยระงับปวดชั่วคราว แนะนำให้ปรึกษาแพทย์และเภสัชกรเพื่อการใช้ที่ถูกต้อง
  • การรักษาความสะอาดอย่างถูกวิธี วัยทองควรทำความสะอาดบริเวณทวารหนักด้วยน้ำอุ่นอย่างนุ่มนวลหลังการขับถ่ายทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษทิชชูที่หยาบ หรือผ้าเช็ดทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม หลังทำความสะอาดแล้ว ควรเช็ดให้แห้งเบาๆ และสวมกางเกงในที่ระบายอากาศได้ดี ทำจากผ้าฝ้ายธรรมชาติ หลีกเลี่ยงผ้าสังเคราะห์ที่อาจทำให้เกิดอาการคันหรือระคายเคือง
  • การใช้เบาะรองนั่ง สำหรับวัยทองและผู้ที่มีอาการริดสีดวงทวาร การนั่งบนพื้นผิวแข็งจะทำให้เจ็บมากขึ้น ควรใช้เบาะรองนั่งแบบโดนัท หรือเบาะโฟมที่นิ่ม เพื่อลดแรงกดดันต่อบริเวณทวารหนัก โดยเบาะรองนั่งแบบโดนัทจะมีรูตรงกลาง ทำให้บริเวณทวารหนักไม่ติดพื้นเบาะ ลดการกดทับริดสีดวงทวาร

นอกจากการรักษาด้วยอาการเบื้องต้นที่แนะนำไปแล้ว ในส่วนของวัยทองท่านใดที่มีอาการริดสดวงทวารในอาการที่มากกว่านี้ ทางแพทย์ก็จะประเมินการรักษาต่อไปว่าท่านไหน…ควรรักษาด้วยวิธีแบบใด โดยอาจจะมีในส่วนของการใช้ยาต่างๆ เข้ามารักษาอาการริดสีดวงทวาร ซึ่งเมื่ออาการ ริดสีดวงทวารไม่ดีขึ้นด้วยการรักษาด้วยยา แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าการผ่าตัด และเหมาะสำหรับวัยทองไม่ว่าจะเป็น

  • การผูกรัด เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด โดยใช้ยางรัดที่โคนของก้อนริดสีดวงทวาร เพื่อให้เลือดไม่ไหลเวียนไปเลี้ยง ก้อนเนื้อจะแห้งและหลุดร่วงออกมาภายใน 7 – 14 วัน
  • การฉีดยาแข็งตัว เป็นการฉีดยาพิเศษเข้าไปในก้อนริดสีดวงทวาร เพื่อให้เกิดการอักเสบและก้อนนั้นแข็งตัวยุบลง ใช้สำหรับริดสีดวงทวาร ภายในขนาดเล็กถึงปานกลาง
  • การใช้ความร้อน (ใช้ความร้อนจากอินฟราเรด เลเซอร์ หรือไฟฟ้าเพื่อทำลายเนื้อเยื่อที่เป็น ริดสีดวงทวาร วิธีนี้วัยทองจะเจ็บน้อย เลือดออกน้อย และหายเร็ว

เมื่อวิธีการรักษาอื่นๆ ไม่ได้ผล หรือ ริดสีดวงทวาร มีขนาดใหญ่มาก แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด แต่สำหรับผู้สูงอายุและวัยทอง ต้องพิจารณาความเสี่ยงและประโยชน์อย่างรอบคอบ ดังนั้น…การป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดการเกิดได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

สัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที

  • เลือดออกทางทวารหนักเป็นครั้งแรก วัยทองที่เลือดออกทางทวารหนักเป็นครั้งแรก ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุโดยเร็ว เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่า เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ แผลในกระเพาะอาหาร หรือเนื้องอกในลำไส้ การเลือดออกทางทวารหนักในผู้สูงอายุอาจไม่เกี่ยวข้องกับริดสีดวงทวารเลย แต่เป็นอาการของโรคร้ายแรงอื่น ดังนั้นการตรวจโดยแพทย์จึงมีความจำเป็นมาก
  • เลือดออกมากจนเป็นลิ่มหรือสีคล้ำ ถ้าเลือดออกมากจนเป็นลิ่มเลือด หรือเลือดมีสีคล้ำๆ เหมือนสีกาแฟ หรือเลือดออกต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนทำให้วัยทองตัวซีด เหนื่อยง่าย หรือใจสั่น ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของการเสียเลือดมาก หรือมีปัญหาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งอันตรายต่อชีวิตได้ ซึ่งอาจนอกเหนือจากริดสีดวงทวาร
  • ปวดรุนแรงกะทันหัน หากวัยทองมีอาการปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะแบบปวดจี๊ดๆ หรือปวดเหมือนถูกมีดแทง อาจเป็นสัญญาณของการเกิดลิ่มเลือดในริดสีดวงทวาร ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ต้องรักษาเร่งด่วน
  • ก้อนเนื้อโป่งออกมาไม่หดกลับเข้าไป ถ้าวัยทองท่านใดพบก้อนเนื้อที่โป่งออกมาจากทวารหนักไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ หรือดันเข้าไปแล้วโผล่ออกมาอีกทันที แสดงว่าอาการริดสีดวงทวาร รุนแรงขึ้นแล้ว ถ้าปล่อยไว้นาน ก้อนเนื้อที่โผล่ออกมาอาจบวม แข็ง และเจ็บมากขึ้น การรักษาจะยากขึ้น และอาจต้องผ่าตัด
  • มีไข้ร่วมด้วย ถ้าวัยทองท่านใดมีอาการไข้ร่วมกับริดสีดวงทวาร อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรือมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การเกิดฝีบริเวณทวารหนัก ซึ่งต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ หรืออาจต้องผ่าตัดระบายหนอง
  • อาการปวดรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าวัยทองมีอาการปวดจากริดสีดวงทวาร รบกวนการนอน การนั่ง การเดิน หรือกิจกรรมประจำวัน ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น