ซิฟิลิสในไทย! เพิ่มสูงขึ้นทุกปี

… 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการตรวจ 11,323 ครั้ง

ทุกๆ 12 คน จะพบ 1 คน ติดเชื้อซิฟิลิส …

จั่วหัวเรื่องออกมาแค่นี้…เชื่อว่าคุณผู้อ่านที่เป็นวัยทองหลายท่านบางส่วนอาจจะตกใจ และบางส่วนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเฉยๆ เพราะข่าวส่วนใหญ่ที่ออกในปัจจุบันพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อมักเกิดขึ้นกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นมากกว่า แต่ออยลี่อยากจะบอกคุณผู้อ่านที่เป็นวัยทองทุกท่านว่า “ไม่จริง” คุณผู้อ่านที่เป็นวัยทองรู้ไหมคะว่าตอนนี้ “โรคซิฟิลิส” กำลังระบาดหนักมากในประเทศไทยของเรา และที่น่าตกใจคือ มันไม่ได้ระบาดแค่ในกลุ่มวัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาวเท่านั้น แต่กลับพบว่ากลุ่มคนวัยทองอย่างพวกเราก็มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงเช่นกัน

ออยลี่จะขอเล่าให้ฟังจากข้อมูลล่าสุดของศูนย์วิจัยโรคเอดส์และโรคติดเชื้อสภากาชาดไทยที่เพิ่งประกาศออกมาเมื่อไม่นานมานี้พบว่า… ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อัตราการติดเชื้อซิฟิลิสในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งก็คือช่วงวัยทองของเราพอดีเลย แค่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีคนเข้ามาตรวจหาเชื้อซิฟิลิสถึง 11,323 ครั้ง และรู้ไหมคะว่าพบผู้ติดเชื้อกี่คน? พบถึง 940 ครั้งเลยค่ะ! นั่นหมายความว่า ถ้าให้ออยลี่นับง่ายๆ ในทุกๆ 12 คนที่เข้ามาตรวจ จะมีคนติดเชื้อซิฟิลิสอยู่ 1 คน แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้น คือ กรมควบคุมโรคได้ออกมาระบุว่า อัตราการป่วยด้วยโรคซิฟิลิสในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 2561 ลองคิดดูนะคะ แค่ไม่กี่ปีเอง ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า! และที่สำคัญมากๆ คือ มีผู้ติดเชื้อถึง 30 – 40% ที่ไม่แสดงอาการอะไรเลย และพวกเขาไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองติดเชื้อ ทำให้เกิดการแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสถานการณ์การระบาดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้นนะคะ แต่กลับพบการระบาดกระจายไปตามพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วประเทศ รวมถึงจังหวัดใหญ่ๆ ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนจำนวนมาก อย่างเช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ และอีกหลายๆ เมืองท่องเที่ยว

ซิฟิลิสคืออะไร? ทำไมถึงน่ากลัว

“โรคซิฟิลิส” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Syphilis เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “ทรีโพนีมา พาลลิดัม” (Treponema pallidum) ชื่อมันอาจจะฟังดูยาก แต่ให้จำง่ายๆ ว่ามันเป็นเชื้อแบคทีเรียตัวเล็กมากๆ เล็กจนวัยทองมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเลย ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูงถึงจะเห็น เชื้อตัวนี้มีลักษณะพิเศษ คือ มันมีรูปร่างเป็นเกลียว คล้ายๆ กับสว่านตัวเล็กๆ ทำให้มันสามารถเจาะทะลุผ่านผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ ของเราได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะตรงจุดที่มีความชื้น อย่างเช่น เยื่อบุในปาก เยื่อบุอวัยวะเพศ หรือเยื่อบุทวารหนัก

สิ่งที่ทำให้ซิฟิลิสน่ากลัวมาก คือ โรคนี้เป็นโรคที่มีการดำเนินโรคแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่แบบป่วยทันทีแล้วรู้ตัว แต่มันจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของวัยทอง แล้วค่อยๆ ทำลายอวัยวะต่างๆ ทีละนิดทีละหน่อยจนกว่าจะสายเกินแก้ 

แต่…ข่าวดี คือ ปัจจุบันเรามียาปฏิชีวนะที่สามารถรักษาซิฟิลิสให้หายขาดได้ โดยเฉพาะถ้ารักษาตั้งแต่ระยะแรกๆ ย้ำ!! ว่าตั้งแต่แรกๆ!! ถ้าวัยทองปล่อยไว้นานเกินไปความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วกับอวัยวะต่างๆ อาจจะแก้ไขไม่ได้ เหมือนกับบ้านที่โดนปลวกกินจนพังแล้ว แม้เราจะกำจัดปลวกได้หมด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วก็ซ่อมแซมได้ยาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ออยลี่มองว่า “โรคซิฟิลิส” ยังคงเป็นโรคที่น่ากลัว แม้จะรักษาได้ก็ตาม เพราะหลายคนไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ จนกระทั่งโรคลุกลามไปมากแล้ว


วัยทองก็เสี่ยง! อย่าคิดว่าโรคนี้เป็นของวัยรุ่น…

มีหลายเหตุผลที่ทำให้คนวัยทองเสี่ยงต่อการติดเชื้อซิฟิลิสไม่แพ้วัยรุ่นเลย จากที่ออยลี่ลองนึกๆ มาพบว่ามีประมาณ 3 – 5 ประการ เริ่มต้นด้วย…

  • เหตุผลแรกเลย การมองข้ามการป้องกัน 

คุณผู้อ่านวัยทองหลายท่านอาจจะคิดว่า “เราอายุมากแล้ว คงไม่มีใครมาชอบหรอก” หรือ “คู่ของเราก็อายุมากแล้วเหมือนกัน คงปลอดภัย” ความคิดแบบนี้ทำให้วัยทองหลายคนไม่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยทองที่หมดประจำเดือนแล้ว อาจคิดว่าไม่ต้องกลัวท้อง ก็เลยไม่ใช้ถุงยาง แต่ลืมไปว่าถุงยางอนามัยไม่ได้ป้องกันแค่การตั้งครรภ์ แต่ป้องกันโรคด้วย

  • เหตุผลที่สอง การขาดความรู้ที่ถูกต้อง 

ออยลี่มองว่าคนรุ่นวัยทองส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษาเรื่องเพศที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้น สมัยก่อนเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องต้องห้าม พ่อแม่ไม่พูดถึง โรงเรียนไม่สอน เราเติบโตมาด้วยความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซิฟิลิสติดต่อได้ง่ายแค่ไหน หรือมีวิธีติดต่อได้หลายทาง

  • เหตุผลที่สาม การเปลี่ยนคู่นอนหลังหย่าร้างหรือหม้าย 

ในวัยทอง…หลายคนอาจเพิ่งหย่าร้าง หรือสูญเสียคู่ชีวิตไป พอเริ่มมีความรักใหม่ มีคู่ใหม่ ก็อาจจะตื่นเต้นดีใจจนลืมเรื่องการป้องกัน บางคนอาจจะอายที่จะซื้อถุงยางอนามัย คิดว่าอายุขนาดนี้แล้วจะไปซื้อถุงยาง คนขายจะคิดยังไง หรือบางคนอาจจะไม่กล้าบอกคู่ใหม่ให้ใช้ถุงยาง กลัวเขาจะคิดว่าเราไม่ไว้ใจ

  • หตุผลที่สี่ การใช้ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศที่แพร่หลายในวัยทอง

ปัจจุบันตามท้องตลาดมียาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศหลายชนิด ทั้งที่ขายตามร้านขายยาทั่วไป และที่สั่งซื้อทางออนไลน์ ยาเหล่านี้ทำให้ผู้ชายวัยทองกลับมามีสมรรถภาพทางเพศได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาคือ บางคนมัวแต่ดีใจที่กลับมา “ได้อีกครั้ง” จนลืมเรื่องการป้องกันโรค

  • เหตุผลที่ห้า ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงตามวัย

ออยลี่มองว่า…เมื่อวัยทองอายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่อนแอลงตามธรรมชาติ ระบบภูมิคุ้มกันที่เคยแข็งแรงในวัยหนุ่มสาว ตอนนี้อาจจะไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีเท่าเดิม ทำให้เราติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนหนุ่มสาว และเมื่อติดเชื้อแล้ว อาการอาจจะรุนแรงกว่าด้วย

นอกจากนี้…วัยทองที่ติดเชื้อซิฟิลิสมักจะมีปัญหาซับซ้อนมากกว่าคนหนุ่มสาว เพราะเรามักมีโรคประจำตัวอื่นๆ อยู่แล้ว เช่น ภาวะความเสี่ยงแทรกซ้อนเบาหวาน 04:06/68 ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต ซึ่งทำให้การรักษาซิฟิลิสยากขึ้น ยาที่ใช้รักษาอาจจะมีปฏิกิริยากับยาที่เรากินประจำ หรือโรคประจำตัวอาจทำให้ซิฟิลิสลุกลามเร็วขึ้น

4 ระยะของซิฟิลิส…จากแผลเล็กๆ สู่ความพิการ

เพื่อที่ผู้อ่านและวัยทองทุกท่านสามารถรู้เท่าทันอาการและป้องกันตัวเองได้ทันเวลา ออยลี่ขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับการดำเนินโรคของซิฟิลิสกันแบบละเอียด!

“โรคซิฟิลิส” มีการดำเนินโรคแบ่งเป็น 4 ระยะ แต่ละระยะก็มีอาการที่แตกต่างกันไป และถ้าเราไม่รักษาตั้งแต่ระยะแรก โรคจะค่อยๆ ลุกลามจนถึงระยะที่อันตรายมาก

ระยะที่ 1: ระยะแผลริมแข็ง (Primary Syphilis)

ออยลี่ขอพาทุกท่านมาเริ่มต้นกันที่ระยะแรก…ระยะนี้จะเริ่มขึ้นหลังจากที่วัยทองได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้วประมาณ 9 – 90 วัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วมักจะเป็นประมาณ 3 สัปดาห์ค่ะ ในระยะนี้จะเกิดแผลขึ้นที่บริเวณที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นบริเวณอวัยวะเพศ แต่…ก็อาจเป็นที่ปาก ริมฝีปาก ลิ้น หรือทวารหนักได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าวัยทองแต่ละท่านมีเพศสัมพันธ์แบบไหน?

โดยแผลจะมีลักษณะเป็นแผลกลม ขนาดประมาณ 0.5 – 2 เซนติเมตร ขอบแผลจะเรียบและแข็ง เหมือนกับขอบเหรียญ เวลาที่วัยทองลองใช้นิ้วกดดูรอบๆ แผลจะรู้สึกได้ว่าขอบแผลแข็งกว่าเนื้อเยื่อรอบข้าง พื้นของแผลจะมีสีแดงสดหรือสีเนื้อ ผิวเรียบ ไม่ขรุขระ และที่สำคัญ คือ แผลนี้จะไม่เจ็บ! ไม่คัน! ไม่มีอาการใดๆ และนี่เอง คือ สิ่งที่ทำให้วัยทองหลายคนไม่รู้ตัวและไม่ใส่ใจ ในวัยทองแผลอาจเกิดในที่ที่มองเห็นยากโดยเฉพาะในผู้หญิง แผลอาจเกิดในช่องคลอดส่วนในที่ปากมดลูก หรือที่ผนังช่องคลอด ซึ่งวัยทองไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่ามีแผล ส่วนในผู้ชายแผลอาจเกิดใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ หรือที่โคนอวัยวะเพศที่มีขนปกคลุม ทำให้มองไม่เห็นเช่นกัน บางคนอาจมีแผลมากกว่า 1 แผล และอาจมีต่อมน้ำเหลืองโตในบริเวณใกล้เคียง เช่น ถ้าแผลอยู่ที่อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบอาจจะโต แต่ก็ไม่เจ็บเช่นกัน

สิ่งที่น่ากังวล คือ แผลนี้จะหายไปเองภายใน 2 – 8 สัปดาห์ แม้วัยทองจะไม่ได้รักษาเลยก็ตาม หลายคนเลยคิดว่า อ้าว…หายไปแล้วคงไม่เป็นอะไร แต่ความจริง คือ เชื้อไม่ได้หายไปไหน มันแค่ซุกซ่อนตัวเข้าไปในร่างกาย และกำลังแพร่กระจายไปทั่วผ่านทางกระแสเลือด

ระยะที่ 2: ระยะออกดอก (Secondary Syphilis)

หลังจากแผลริมแข็งหายไปประมาณ 4 – 10 สัปดาห์ แต่บางครั้งอาจเร็วกว่าหรือช้ากว่านี้ได้ เชื้อซิฟิลิสที่แพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้วจะเริ่มแสดงอาการออกมาให้เห็น ระยะนี้เรียกว่าระยะออกดอก อาการที่พบบ่อยที่สุดในระยะนี้คือการมีผื่นแดงขึ้นทั่วตัว แต่ผื่นของซิฟิลิสมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากผื่นทั่วไปนะคะ

โดยผื่นมักจะเริ่มที่ลำตัวก่อน แล้วค่อยๆ กระจายไปที่แขนขา และที่สำคัญมาก คือ ผื่นจะขึ้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าด้วย ซึ่งผื่นทั่วไปมักจะไม่ขึ้นที่ฝ่ามือฝ่าเท้า นี่จึงเป็นลักษณะเฉพาะของผื่นซิฟิลิสที่วัยทองควรทราบไว้ ผื่นจะมีสีแดงอมน้ำตาล ไม่นูน หรืออาจนูนเล็กน้อย และไม่คัน ต่างจากผื่นแพ้ที่มักจะคันมาก ซึ่งนอกจากผื่นที่ออยลี่เล่าให้ฟังแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ อีกมากมายในระยะนี้…

  • ผมร่วงเป็นหย่อมๆ แบบไม่มีรูปแบบ เหมือนมีคนไปตัดผมเป็นหย่อมๆ บางคนเรียกว่า “ผมร่วงแบบหนูแทะ” เพราะดูเหมือนโดนหนูแทะ
  • มีไข้ต่ำๆ ประมาณ 37.5 – 38 องศา ไข้จะไม่สูงมาก แต่เป็นๆ หายๆ
  • ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ คล้ายๆ กับเป็นไข้หวัด
  • ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วตัว ทั้งที่คอ รักแร้ ขาหนีบ คลำได้เป็นก้อนๆ แต่ไม่เจ็บ
  • เจ็บคอ มีแผลในปาก ลิ้น เหงือก แผลจะเป็นแผลตื้นๆ สีขาวขุ่น
  • อาจมีตุ่มหูดแบนๆ ขึ้นที่อวัยวะเพศหรือรอบทวารหนัก
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ปวดศีรษะ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • ตาแดง ตาพร่า มองเห็นไม่ชัด (ถ้าเชื้อเข้าไปที่ตา)

จากอาการอื่นๆ ที่ออยลี่แจ้งข้างต้น อยากจะบอกว่า… อาการเหล่านี้จะเป็นๆ หายๆ แม้ไม่ได้รักษา อาจเป็น 2 – 3 สัปดาห์แล้วหายไป และก็อาจกลับมาเป็นใหม่อีก ทำให้หลายคนคิดว่าเป็นแค่ภูมิแพ้ หรือเป็นเพราะเครียด เหนื่อย ก็เลยไม่ไปหาหมอ ซึ่งอาการเหล่านี้เองอาจถูกมองข้ามง่ายโดยเฉพาะวัยทอง เพราะคิดว่าเป็นอาการของความชรา เช่น เหนื่อยง่ายก็คิดว่าเพราะแก่แล้ว ผมร่วงก็คิดว่าเป็นผมร่วงตามวัย ปวดเมื่อยก็คิดว่าเป็นปวดข้อเสื่อม จึงไม่ได้สงสัยว่าอาจเป็น “โรคซิฟิลิส”

ระยะที่ 3: ระยะแฝง (Latent Syphilis)

ชักจะเริ่มมาเพิ่มมากขึ้นแล้วนะคะ และนี่คือระยะที่อันตรายที่สุดที่ออยลี่อยากเล่าให้ฟังค่ะ เพราะเป็นระยะที่ไม่มีอาการใดๆ เลย ผู้ป่วยจะรู้สึกปกติดี ไม่มีผื่น ไม่มีแผล ไม่มีอาการใดๆ ที่จะทำให้สงสัยว่าตัวเองป่วย แต่เชื้อซิฟิลิสยังคงอยู่ในร่างกาย และกำลังค่อยๆ ทำลายอวัยวะภายในอย่างเงียบๆ ระยะแฝงนี้อาจนานเป็น 10 – 20 ปี หรือบางคนอาจนานกว่านั้น ในระยะนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ

  • ระยะแฝงตอนต้น
    ช่วง 1 ปีแรกหลังจากติดเชื้อ ในช่วงนี้ผู้ป่วยยังสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ แม้จะไม่มีอาการก็ตาม และอาจมีอาการของระยะที่ 2 กลับมาเป็นใหม่ได้
  • ระยะแฝงตอนปลาย
    ช่วงหลังจาก 1 ปีเป็นต้นไป โอกาสแพร่เชื้อจะน้อยลงมาก แต่เชื้อยังคงทำลายอวัยวะภายในต่อไป

สิ่งที่น่ากลัวของระยะนี้ คือ วัยทองจะไม่รู้เลยว่าเชื้อกำลังทำอะไรอยู่ในร่างกาย มันอาจกำลังไปทำลายหลอดเลือดหัวใจ ทำลายเซลล์สมอง ทำลายไขสันหลัง หรือทำลายอวัยวะอื่นๆ แต่ยังไม่แสดงอาการออกมา วัยทองหลายคนอาจติดเชื้อมาตั้งแต่อายุน้อย แต่อยู่ในระยะแฝงมานานหลายสิบปี จนลืมไปแล้วว่าเคยมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือเคยมีอาการอะไร พอมาแสดงอาการในวัยทอง ก็ไม่นึกว่าจะเป็น “โรคซิฟิลิส”

ระยะที่ 4: ระยะสุดท้าย (Tertiary Syphilis)

ประมาณ 15 – 30% ของผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาจะเข้าสู่ระยะนี้ ซึ่งเป็นระยะที่เชื้อได้ทำลายอวัยวะสำคัญต่างๆ จนเกิดความเสียหายอย่างถาวร ระยะนี้อาจเกิดขึ้นหลังจากติดเชื้อไปแล้ว 10 – 30 ปี หรือมากกว่านั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นในระยะนี้รุนแรงมาก และแบ่งตามระบบที่ถูกทำลาย คือ…

1. ซิฟิลิสในระบบประสาทและสมอง เชื้อเข้าไปทำลายเซลล์สมองและระบบประสาท ทำให้…

  • สมองเสื่อม ความจำเสื่อม ลืมง่าย สับสน คล้ายกับอัลไซเมอร์ 03:06/68
  • บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงอาจก้าวร้าว หงุดหงิดง่าย หรือซึมเศร้า
  • ประสาทหลอน เห็นภาพหลอน ได้ยินเสียงหลอน หวาดระแวง
  • พูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง กลืนลำบาก
  • ชัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาตครึ่งตัว หรืออัมพาตทั้งตัว
  • เดินเซ ทรงตัวไม่ดี ล้มง่าย

2. ซิฟิลิสในไขสันหลัง เชื้อทำลายไขสันหลัง ทำให้…

  • เดินผิดปกติ เดินเหมือนคนเมา ต้องกางขาเดิน
  • ปวดแสบปวดร้อนตามขาเป็นพักๆ เหมือนถูกมีดแทง
  • ชาตามแขนขา รู้สึกเหมือนใส่ถุงมือถุงเท้าตลอดเวลา
  • กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะเล็ด หรือปัสสาวะไม่ออก
  • กลั้นอุจจาระไม่ได้
  • ข้อเสื่อมอย่างรวดเร็ว ข้อผิดรูป

3. ซิฟิลิสในหัวใจและหลอดเลือด จะทำให้มีอาการ…

  • หลอดเลือดแดงใหญ่ อักเสบ บวม โป่งพอง อาจแตกได้
  • ลิ้นหัวใจเสื่อม ลิ้นหัวใจรั่ว ทำให้หัวใจทำงานหนัก
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นเร็ว เต้นช้า หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ
  • หัวใจล้มเหลว หอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ ขาบวม
  • หลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน เจ็บหน้าอก หัวใจขาดเลือด

4. ซิฟิลิสในตาและหู จะทำให้มีอาการ…

  • ม่านตาอักเสบ ตาแดง ตาพร่า มองเห็นจุดดำ
  • จอประสาทตาเสื่อม มองเห็นภาพบิดเบี้ยว
  • ตาบอดถาวร ทั้งข้างเดียวหรือสองข้าง
  • หูหนวกเฉียบพลัน หรือค่อยๆ หนวก
  • หูอื้อ มีเสียงดังในหู
  • เวียนศีรษะ เดินเซ ทรงตัวไม่ดี

5. ซิฟิลิสในกระดูกและผิวหนัง จะทำให้มีอาการ…

  • เกิดก้อนเนื้อที่เรียกว่า Gumma ตามผิวหนัง กระดูก ตับ หรืออวัยวะอื่นๆ
  • ก้อนเนื้อนี้จะค่อยๆ โตขึ้น แล้วแตกเป็นแผลลึกที่ไม่หาย
  • กระดูกผุ กระดูกหัก โดยเฉพาะกระดูกจมูก ทำให้จมูกยุบ
  • ข้ออักเสบ ข้อบวม ข้อผิดรูป เดินไม่ได้

ในระยะนี้…แม้วัยทองจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและเชื้อจะหายไป แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่กลับคืนมา เหมือนกับบ้านที่ถูกไฟไหม้แล้ว แม้จะดับไฟได้ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วก็ซ่อมแซมได้ยาก ควรรีบไปรักษาได้ทันเวลา อย่าปล่อยให้โรคดำเนินไปถึงระยะสุดท้าย เพราะจะสายเกินแก้

วิธีติดต่อ “โรคซิฟิลิส” ที่วัยทองหลายคนไม่รู้

ออยลี่เชื่อว่า…วัยทองหลายคนอาจคิดว่าซิฟิลิสติดต่อได้ทางเดียว คือ จากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ความจริงแล้วมีหลายทางที่เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายเราได้ ออยลี่จะมาเล่าให้ฟังแบบละเอียดเลยนะคะ เพื่อให้คุณผู้อ่านวัยทองได้ระวังตัวได้ถูกต้อง

ทางติดต่อหลักที่ต้องระวัง

1. เพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ

  • เพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด เป็นทางติดต่อที่พบบ่อยที่สุด เชื้อจะผ่านจากแผลหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อเข้าสู่เยื่อบุช่องคลอดหรืออวัยวะเพศชาย
  • เพศสัมพันธ์ทางปาก วัยทองหลายคนไม่รู้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางปากก็ติดได้ ถ้าผู้ติดเชื้อมีแผลที่อวัยวะเพศ และเรามีแผลในปาก หรือในทางกลับกัน ถ้าผู้ติดเชื้อมีแผลในปาก และเราให้เขาทำออรัลเซ็กส์ เราก็ติดได้ด้วย
  • เพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เยื่อบุทวารหนักบอบบางมาก ฉีกขาดง่าย ทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย และมักมีแผลเล็กๆ ที่มองไม่เห็น ทำให้กลุ่มชายรักชายในวัยทองต้องระวัง
  • การสัมผัสอวัยวะเพศโดยตรง แม้ไม่ถึงขั้นสอดใส่ แต่การสัมผัสอวัยวะเพศกัน ถ้ามีแผลหรือสารคัดหลั่ง ก็ติดได้

2. สัมผัสโดยตรงกับแผลซิฟิลิส

เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่วัยทองหลายคนไม่รู้และอาจไม่ทราบเลยก็ว่าได้ การสัมผัสแผลซิฟิลิสโดยตรงก็สามารถติดได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสแผลด้วยมือ แล้วมือไปจับอวัยวะเพศของตนเอง หรือถูตา ถูปาก โดยไม่ได้ล้างมือ หรือจะสัมผัสผื่น หรือแผลของผู้ติดเชื้อในระยะที่ 2 ซึ่งมีเชื้อมาก หรือผ่านจากแผลสัมผัสกับเยื่อบุหรือผิวหนังที่มีรอยถลอก รอยขีดข่วน ก็สามารถติดได้เหมือนกัน

3. จูบ

แน่นอนว่าหากสัมผัสผ่านแผลยังติด การจูบก็ติดซิฟิลิสได้ ถ้าวัยทองจูบปากกับผู้ที่มีแผลซิฟิลิสในปาก ที่ลิ้น ที่เหงือก หรือที่ริมฝีปาก หรือจะเป็นการจูบส่วนอื่นของร่างกายที่มีแผลซิฟิลิส เช่น จูบที่อวัยวะเพศที่มีแผล แม้แต่การจูบแก้ม ถ้ามีแผลทั้งสองฝ่าย ก็เสี่ยงด้วยเช่นกัน และยิ่งในวัยทองที่มักมีปัญหาเหงือกอักเสบ มีแผลในปาก ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น

ทางติดต่อที่พบน้อย แต่ก็สามารถเป็นไปได้

1. ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน

แม้จะพบน้อย แต่ก็สามารถเป็นไปได้…

  • ใช้มีดโกนร่วมกัน ถ้ามีเลือดของผู้ติดเชื้อติดอยู่ และเรามีแผลจากการโกนหนวด ก็อาจติดได้
  • ใช้แปรงสีฟันร่วมกัน ถ้ามีเลือดออกตามไรฟัน และผู้ติดเชื้อมีแผลในปาก
  • ใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกันทันทีหลังผู้ติดเชื้อใช้ ถ้ามีสารคัดหลั่งจากแผลติดอยู่
  • ใช้อุปกรณ์ทางเพศร่วมกัน โดยไม่ทำความสะอาดหรือใส่ถุงยางอนามัยคลุม

2. การสัมผัสสารคัดหลั่ง
ถ้าสารคัดหลั่งเหล่านี้สัมผัสกับแผลหรือเยื่อบุของเรา ก็อาจติดเชื้อได้…

  • น้ำลาย (ถ้ามีแผลในปาก)
  • น้ำเหลืองจากแผล หนองจากแผล
  • สารคัดหลั่งจากช่องคลอดหรืออวัยวะเพศชาย
  • เลือดจากแผลซิฟิลิส

จากด้านบนที่ออยลี่ได้แจกแจงให้เพื่อนๆ ไป แน่นอนว่าในอินเทอร์เน็ตและความเข้าใจผิดๆ จากการรู้ที่ผิดๆ ก็ยังทำให้วัยทองหลายท่านมีความสับสนกับการติดเชื้อซิฟิลิสได้ ดังนั้น ออยลี่อยากให้เพื่อนๆ วัยทองสบายใจว่า ซิฟิลิสไม่ติดต่อช่องทางเหล่านี้นะคะ…

  • นั่งชักโครกร่วมกัน เชื้อซิฟิลิสอยู่นอกร่างกายได้ไม่นาน
  • ว่ายน้ำในสระเดียวกัน คลอรีนในสระจะฆ่าเชื้อ
  • กอด จับมือ โดยไม่มีแผล ผิวหนังปกติที่ไม่เป็นแผลเป็นเกราะป้องกันที่ดี
  • ใช้จาน ชาม ช้อน ร่วมกัน ยกเว้นใช้ร่วมกันทันทีและมีแผลในปาก
  • หายใจรดกัน ไอ จาม ซิฟิลิสไม่ติดทางอากาศ
  • ยุง หรือแมลงกัด แมลงไม่เป็นพาหะของซิฟิลิส
  • ใช้ห้องน้ำสาธารณะ ยกเว้นมีแผลสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง

… ซิฟิลิส จะค่อยๆ ทำลายร่างกาย

จนสุดท้ายคุณอาจจะรักษาไม่ทัน หากสายเกินแก้ เพราะภาวะแทรกซ้อน …

ประมาณ 15 – 30% ของผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาจะเข้าสู่ระยะนี้ ซึ่งเป็นระยะที่เชื้อได้ทำลายอวัยวะสำคัญต่างๆ จนเกิดความเสียหายอย่างถาวร ระยะนี้อาจเกิดขึ้นหลังจากติดเชื้อไปแล้ว 10 – 30 ปี หรือมากกว่านั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นในระยะนี้รุนแรงมาก เริ่มต้นภาวะแทรกซ้อนด้วย…

ภาวะแทรกซ้อนต่อระบบประสาทและสมอง

นี่ คือ ภาวะแทรกซ้อนที่ออยลี่มองว่าน่ากลัวที่สุด เพราะเมื่อเชื้อซิฟิลิสเข้าไปทำลายสมองและระบบประสาทแล้ว ผลเสียหายที่เกิดขึ้นมักจะถาวรและแก้ไขไม่ได้

1. ซิฟิลิสในระบบประสาท

  • สมองเสื่อม อาการจะคล้ายกับอัลไซเมอร์ ผู้ป่วยจะค่อยๆ ลืมสิ่งต่างๆ เริ่มจากลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ลืมว่าวางของไว้ที่ไหน ลืมนัดหมาย แล้วค่อยๆ แย่ลงจนลืมชื่อคนใกล้ชิด ลืมทางกลับบ้าน สุดท้ายอาจลืมแม้กระทั่งวิธีกิน วิธีใช้ห้องน้ำ
  • บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง จากวัยทองที่เคยอ่อนโยนอาจกลายเป็นก้าวร้าว หงุดหงิดง่าย ตะโกนด่าทอคนรอบข้าง หรือบางคนอาจซึมเศร้า เก็บตัว ไม่ยอมพูดกับใคร
  • ประสาทหลอน เห็นภาพหลอน เช่น เห็นคนที่ไม่มีตัวตน เห็นสัตว์ เห็นแมลงไต่ตามตัว ได้ยินเสียงหลอน เช่น ได้ยินเสียงคนกระซิบ เสียงคนด่า แม้จะอยู่คนเดียว
  • อาการทางกาย พูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง พูดอ้อแอ้ กลืนน้ำสำลัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินไม่ได้ มือสั่น จับของไม่อยู่ ชักเกร็ง หรืออัมพาตครึ่งตัว

2. ไขสันหลังเสื่อม

  • เดินผิดปกติ เดินเซเหมือนคนเมา ต้องมองพื้นตลอดเวลา ถ้าหลับตาจะล้มทันที
  • ปวดแบบฟ้าผ่า มีอาการปวดแสบปวดร้อนตามขาเป็นพักๆ เหมือนถูกมีดแทง หรือเหมือนมีไฟไหม้ ปวดจนนอนไม่หลับ กินยาแก้ปวดไม่ค่อยได้ผล บางคนปวดจนอยากตาย
  • ชาและรู้สึกผิดปกติ ชาตามแขนขา รู้สึกเหมือนใส่ถุงมือถุงเท้าตลอดเวลา บางคนรู้สึกเหมือนมีมดไต่ตามตัว หรือเหมือนมีน้ำร้อนไหลตามผิวหนัง แต่พอไปดูไม่มีอะไร
  • ปัญหาการขับถ่าย วัยทองกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะเล็ด ต้องใส่ผ้าอ้อม หรือบางคนปัสสาวะไม่ออก ต้องสวนปัสสาวะ กลั้นอุจจาระไม่ได้ ทำให้อับอาย ไม่กล้าออกจากบ้าน
  • ข้อพิการ ข้อเสื่อมอย่างรวดเร็วและรุนแรง ข้อบวมใหญ่ ผิดรูป งอไม่ได้ เหยียดไม่ได้

ภาวะแทรกซ้อนต่อหัวใจและหลอดเลือด

1. หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง

  • ผนังหลอดเลือดของวัยทองจะอ่อนแอ บาง แล้วโป่งพองออกมาเหมือนลูกโป่ง
  • ถ้าโป่งมากๆ อาจแตกได้ ทำให้เลือดออกในช่องท้องหรือช่องอก
  • เมื่อแตก…ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายในไม่กี่นาที ช่วยไม่ทัน
  • ก่อนแตก…อาจมีอาการเจ็บหน้าอกหรือหลังรุนแรง หายใจไม่ออก

2. ลิ้นหัวใจเสื่อม

  • ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท เลือดไหลย้อนกลับ
  • หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบเลือด
  • หัวใจโต หัวใจล้มเหลว
  • อาการคือ หอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ ต้องนอนหมอนสูง ขาบวม

3. หลอดเลือดหัวใจอักเสบ

  • หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอักเสบ ตีบ
  • เจ็บหน้าอกเหมือนหัวใจขาดเลือด
  • อาจเป็นหัวใจวายเฉียบพลัน
  • วัยทองที่มีโรคหัวใจอยู่แล้ว จะแย่ลงมาก

4. หัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • มีหัวใจเต้นเร็ว เต้นช้า หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ
  • วัยทองรู้สึกใจสั่น เหมือนใจจะหลุดออกมา
  • อาจเป็นลมหมดสติ
  • บางคนหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

ภาวะแทรกซ้อนต่อตาและหู

1. ตาอักเสบจากซิฟิลิส

  • ม่านตาอักเสบ ตาแดง ปวดตา กลัวแสง น้ำตาไหล มองเห็นจุดดำลอยไปมา ถ้าไม่รักษาจะตาบอด
  • จอประสาทตาเสื่อม มองเห็นภาพบิดเบี้ยว เส้นตรงดูเป็นเส้นคด สีจางลง มองไม่เห็นตรงกลาง
  • ประสาทตาอักเสบ วัยทองมองเห็นไม่ชัดอย่างรวดเร็ว ภายใน 2 – 3 วันอาจมองไม่เห็นเลย
  • ตาบอดถาวร ทั้งข้างเดียวหรือสองข้าง แม้รักษาแล้วก็ไม่กลับมาเห็นอีก

2. หูหนวกจากซิฟิลิส

  • หูหนวกเฉียบพลัน ตื่นเช้ามาวัยทองหูหนวกข้างเดียวหรือสองข้าง โดยไม่มีสัญญาณเตือน
  • การได้ยินลดลงทีละน้อย วัยทองค่อยๆ หูตึง ต้องให้คนพูดดังๆ ฟังทีวีไม่ได้ยิน
  • หูอื้อ มีเสียงดังในหู เหมือนเสียงจิ้งหรีดร้อง เสียงน้ำไหล รบกวนจนนอนไม่หลับ
  • เวียนศีรษะ เวียนจนเดินไม่ได้ ต้องนอนนิ่งๆ ขยับหัวไม่ได้ คลื่นไส้อาเจียน
  • ทรงตัวไม่ได้ เดินเซ ต้องเกาะผนัง ลุกจากเตียงแล้วล้ม

ภาวะแทรกซ้อนต่อกระดูกและข้อ

1. กระดูกและข้ออักเสบ

  • ข้อบวมใหญ่ แดง ร้อน แต่ไม่ค่อยเจ็บ
  • กระดูกผุ โดยเฉพาะกระดูกจมูก ทำให้จมูกยุบ หน้าผิดรูป
  • วัยทองกระดูกหักง่าย แค่หกล้มเบาๆ ก็หักได้
  • ข้อเสื่อมเร็วมาก ภายใน 1 – 2 ปีเดินไม่ได้

2. ก้อนเนื้อซิฟิลิส

  • เป็นก้อนเนื้อที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรัง
  • เกิดได้ทุกที่ ใต้ผิวหนัง ในกระดูก ในตับ ในสมอง
  • ก้อนจะค่อยๆ โตขึ้น นิ่ม แล้วแตกเป็นแผล
  • แผลลึก ขอบหนา พื้นแผลเน่า มีกลิ่นเหม็น
  • แผลไม่หายเอง ต้องผ่าตัดเอาเนื้อตายออก

ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงเป็นพิเศษในวัยทอง

1. ติดเชื้อ HIV ง่ายขึ้น

  • แผลซิฟิลิสเป็นประตูให้ HIV เข้าสู่ร่างกาย
  • วัยทองผู้ที่มีซิฟิลิสมีโอกาสติด HIV มากกว่า 2 – 5 เท่า
  • ถ้าติดทั้งสองโรค การรักษายากขึ้นมาก
  • ภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อฉวยโอกาสง่าย

2. ภาวะแทรกซ้อนจากโรคประจำตัว

  • เบาหวาน วัยทองคุมน้ำตาลยากขึ้น แผลหายช้า ติดเชื้อง่าย
  • ความดันสูง ความดันพุ่งสูง ควบคุมยาก เสี่ยงหลอดเลือดแตก
  • ไตเสื่อม ไตเสื่อมเร็วขึ้น อาจต้องฟอกไต
  • โรคหัวใจ หัวใจแย่ลง เหนื่อยง่าย หัวใจล้มเหลว

3. ตอบสนองต่อการรักษาช้า

  • ร่างกายวัยทองฟื้นตัวช้ากว่าคนหนุ่มสาว
  • ต้องใช้ยาปริมาณมากขึ้น นานขึ้น
  • ผลข้างเคียงจากยามากขึ้น
  • บางคนต้องรักษาซ้ำหลายรอบ

4. ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

  • วัยทองต้องพึ่งพาผู้อื่น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
  • ซึมเศร้า ท้อแท้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่
  • ครอบครัวเครียด ต้องดูแลตลอดเวลา
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก

จำไว้นะคะ…ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ป้องกันได้ ถ้าเรารักษาซิฟิลิสแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้โรคดำเนินไปจนถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ สุขภาพของเราสำคัญที่สุด อย่าละเลยหรืออายที่จะไปรักษานะคะ

เพราะซิฟิลิสป้องกันและรักษาได้…ถ้าทันเวลา

การรักษาซิฟิลิสในปัจจุบันมีอัตราความสำเร็จสูงมากถึง 95 – 98% สำหรับซิฟิลิสระยะแรกและระยะที่สอง สำหรับซิฟิลิสระยะที่สาม ประมาณ 85 – 90%  ที่สำคัญ…การรักษาไม่ยุ่งยาก ไม่เจ็บปวดมาก และไม่ต้องใช้เวลานาน

แต่จะดีกว่านั้นไหม…ถ้าเราจะไม่ต้องไปทำการรักษาโรคนี้ โดยเริ่มต้นง่ายๆ จากการป้องกัน เพราะเป็นขั้นแรกที่ทุกคนไม่ว่าจะรุ่นอะไร อายุเท่าไหร่ วัยทองแค่ไหน ก็สามารถป้องกันซิฟิลิสได้ด้วยตนเอง

  1. วัยทองปลอดภัย…ใส่ถุงยาง

ขั้นแรกเลยที่ออยลี่มองว่าสำคัญมาก และมีประสิทธิภาพที่สุด คือ การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เรื่องนี้อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัดโดยเฉพาะคนวัยทองที่อาจจะไม่เคยใช้มาก่อน หรือใช้น้อยครั้ง แต่ออยลี่อยากให้ลองคิดดูนะคะว่าถุงยางอนามัยเป็นเหมือนเกราะป้องกันที่จะช่วยกั้นเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายของเรา ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้น แต่สำหรับผู้หญิงวัยทองที่หมดประจำเดือนแล้ว อย่าคิดว่าไม่ต้องใช้ถุงยางเพราะไม่กลัวท้อง ถุงยางไม่ได้ป้องกันแค่การตั้งครรภ์ แต่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย ซึ่งรวมถึงซิฟิลิสด้วย

หากเพื่อนๆ วัยทองคนไหน…รู้สึกอายที่จะซื้อถุงยางอนามัยที่ร้านขายยาใกล้บ้าน ปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ หรือไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ที่มีการบริการแบบเซลฟ์เซอร์วิส ไม่ต้องผ่านพนักงาน หรือหากต้องการคำปรึกษา ก็สามารถไปปรึกษาเภสัชกรที่โรงพยาบาลหรือคลินิกได้เหมือนกัน

  1. วัยทองต้องรู้จักคู่นอนของเรา

อีกหนึ่งวิธีป้องกันข้อที่สองที่ออยลี่มองว่าสำคัญมากไม่แพ้กัน การรู้จักคู่นอนของเรา และการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย การพูดคุยเรื่องสุขภาพทางเพศกันอย่างตรงไปตรงมาปัจจุบันเป็นเรื่องปกติและจำเป็นมาก ถ้าคุณผู้อ่านวัยทองท่านใดมีคู่ใหม่หรือกำลังจะเริ่มมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับใครสักคน อย่าอายที่จะถามเรื่องประวัติสุขภาพว่าเคยตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่? ครั้งสุดท้ายตรวจเมื่อไหร่? ผลเป็นอย่างไร? 

ถ้าเขาเป็นคนดี…ออยลี่เชื่อว่าเขาจะเข้าใจและให้ความร่วมมือ 

  1. ตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับวัยทอง

การตรวจสุขภาพวัยทองประจำปี ควรรวมการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไว้ด้วย หลายคนอาจคิดว่าตัวเองไม่เสี่ยง ไม่จำเป็นต้องตรวจ แต่จริงๆ แล้ว การตรวจเป็นการป้องกันที่ดี เพราะถ้าหากเราติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว การตรวจจะช่วยให้เราพบและรักษาได้ทันเวลา ก่อนที่จะแพร่เชื้อให้คนอื่น หรือก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้น

อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม ร่างกายที่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันดี จะสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีกว่า ดังนั้น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การหลีกเลี่ยงสิ่งเสพติด และการจัดการความเครียด ล้วนเป็นวิธีป้องกันที่ดี 

เหมือนกับ…ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพอย่าง ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อคุณผู้หญิงวัยทอง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนวัยทองโดยเฉพาะช่วยบรรเทาอาการวัยทองไม่ว่าจะเป็น อาการร้อนวูบวาบ อาการนอนไม่หลับ อาการเหงื่ออกตามมือมาก อาการหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ด้วยสารสกัดธรรมชาติที่คัดสรรมาอย่างดีจำนวน 6 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์เฉพาะที่เสริมกันและกัน 

  • สารสกัดจากถั่วเหลืองนำเข้าจากประเทศเสปน
    ถั่วเหลือง มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนวัยทองโดยเฉพาะผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน สารสกัดจากถั่วเหลืองนี้อุดมไปด้วยสารไอโซฟลาโวน ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายคลึงกับฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิง ทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนทดแทนธรรมชาติ ช่วยลดอาการร้อนวูบ ปวดหัว หงุดหงิด นอนไม่หลับ และอาการอื่นๆ ที่มาพร้อมกับการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน
  • สารสกัดจากตังกุย
    ตังกุย หรือเรียกอีกชื่อว่า โสมสำหรับผู้หญิง มีคุณสมบัติในการปรับสมดุลฮอร์โมนหญิง ช่วยบำรุงเลือด เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย สำหรับคนวัยทอง ตังกุยจะช่วยเพิ่มพลังงาน ลดความเหนื่อยล้า และช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพราะในวัยนี้ระบบไหลเวียนมักจะทำงานช้าลง
  • สารสกัดจากแปะก๊วย
    สมุนไพรที่มีชื่อเสียงระดับโลก ช่วยเสริมสมรรถภาพของสมองและระบบประสาท เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ผลลัพธ์คือ ความจำดีขึ้น สมาธิดีขึ้น และลดความเสี่ยงของการเสื่อมสมรรถภาพทางสมอง
  • สารสกัดจากงาดำ
    งาดำ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก อุดมไปด้วยวิตามิน E แคลเซียม แมกนีเซียม และกรดไขมันไม่อิ่มตัว งาดำมีสรรพคุณในการบำรุงผม ผิวพรรณ และกระดูก ช่วยต่อต้านการเสื่อมสภาพของเซลล์ และช่วยรักษาระดับโคเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับคนวัยทองที่เริ่มมีปัญหาเรื่องผมร่วง ผิวแห้ง หรือกระดูกพรุน งาดำจะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพเหล่านี้ได้
  • ออร์แกนิค แครนเบอร์รี่
    ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก โดยเฉพาะสารแอนโทไซยานิน ที่ให้สีแดงเข้มของแครนเบอร์รี่ ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้หญิงวัยทอง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และช่วยปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด 
  • อินูลิน พรีไบโอติก
    เป็นใยอาหารชนิดพิเศษที่ทำหน้าที่เป็นอาหารสำหรับแบคทีเรียดีในลำไส้ ช่วยเสริมสร้างระบบย่อยอาหารให้แข็งแรง เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันส่วนใหญ่อยู่ที่ลำไส้ การมีลำไส้ที่แข็งแรงจึงหมายถึงการมีภูมิคุ้มกันที่ดี

*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

และสำหรับสำหรับผู้ชายวัยทองเสริมสร้างสุขภาพที่ดีด้วย ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) เพราะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด คือ การลดลงของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 30 ปี ในอัตราประมาณร้อยละ 1 – 2 ต่อปี เมื่อถึงวัยทอง ระดับเทสโทสเตอโรนจะลดลงไปมากจนส่งผลต่อสุขภาพในหลายด้าน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสมรรถภาพทางเพศ การลดลงของฮอร์โมนนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความต้องการทางเพศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อมวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกระดูก การเผาผลาญพลังงาน อารมณ์ และแม้กระทั่งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ด้วยสารสกัดธรรมชาติที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจำนวน 7 ชนิด แต่ละชนิดมีบทบาทเฉพาะที่ตอบสนองความต้องการของผู้ชายวัยทองอย่างครอบคลุม ถูกใจทุกท่านแน่นอน

  • สารสกัดจากโสมเกาหลี
    โสมเกาหลี มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มพลังงาน ลดความเหนื่อยล้า เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย และที่สำคัญ คือ ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย
  • สารสกัดจากฟีนูกรีก
    ช่วยสนับสนุนการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกาย ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรง และช่วยปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและระดับไขมันในเลือด ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัยทอง
  • แอล อาร์จีนีน
    กรดอะมิโน ที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ รวมถึงอวัยวะเพศ ช่วยให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย
  • สารสกัดกระชายดำ
    มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มพลังงาน เสริมความแข็งแรงของร่างกาย และที่สำคัญ คือ ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย
  • ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลท
    รูปแบบของสังกะสีที่มีการดูดซึมดีที่สุด สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่สำคัญมากสำหรับผู้ชาย เพราะมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การสร้างโปรตีน และการรักษาความแข็งแรงของผิวหนัง
  • สารสกัดจากแปะก๊วย
    ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ช่วยปรับปรุงความจำ สมาธี และการทำงานของสมอง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะส่วนปลาย รวมถึงอวัยวะเพศ ทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • สารสกัดจากงาดำ
    ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และช่วยรักษาระดับโคเลสเตอรอลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผม ผิวพรรณ และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก

*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ด้วยสารสกัดธรรมชาติศูตรเข้มข้นที่สร้างสรรพคุณที่เสริมซึ่งกันและกันทั้งจาก ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) อาหารเสริมสำหรับผู้หญิงวัยทอง, ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) อาหารเสริมสำหรับคุณผู้ชายวัยทอง ออยลี่เชื่อว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทั้ง 2 ตัวนี้ จะช่วยตอบโจทย์ชาววัยทองได้อย่างแน่นอน การเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เช่นนี้จะช่วยเติมเต็มช่องว่างทางโภชนาการที่อาจจะได้ไม่เพียงพอจากอาหารธรรมดา และช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรงในการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ รวมถึงการป้องกันการติดเชื้อที่เราไม่ต้องการ

โดยคุณผู้อ่านและวัยทองทุกท่าน สามารถรับประทานได้ง่ายๆ เพียงแค่วันละ 1 แคปซูล พร้อมกับมื้ออาหารที่ทุกท่านสะดวก เท่านี้…ก็เหมือนได้ดูแลสุขภาพมากกว่าคนทั่วไปแล้วละคะ

แต่ถ้าเพื่อนๆ วัยทองท่านใดที่มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นซิฟิลิส หรือโรคอื่นๆ ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการเคยติดเชื้อครั้งหนึ่งไม่ได้หมายความว่าจะมีภูมิคุ้มกัน กลับกัน อาจจะเสี่ยงต่อการติดซ้ำได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เคยติดเชื้อ

และหากสงสัยว่าตัวเองอาจจะสัมผัสเชื้อหรือคู่นอนมีอาการแปลกๆ อย่าเก็บไว้ในใจ รีบไปพบแพทย์ทันที 

การปรึกษาแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย… แต่เป็นเรื่องที่ควรทำเพื่อสุขภาพของตัวเอง 

พวกเขาจะไม่ตัดสินเรา…แต่จะช่วยเหลือเราด้วยความเป็นมืออาชีพ

หลังจากที่ออยลี่ได้เล่าและพาวัยทองทุกท่านไปรู้จักกับซิฟิลิสและอาการต่างๆ แล้ว คงมีวัยทองหลายคนเริ่มกังวลใจว่า “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราติดเชื้อหรือเปล่า?” ออยลี่จะมาอธิบายเรื่องการตรวจวินิจฉัยซิฟิลิสให้ฟังเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าการตรวจหาเชื้อซิฟิลิสนั้นง่ายกว่าที่คิด และไม่น่ากลัวเหมือนที่หลายคนเข้าใจกัน

การตรวจหาเชื้อซิฟิลิสในปัจจุบันมีความแม่นยำสูงมาก และสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกของการติดเชื้อ ไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการแล้วค่อยไปตรวจ เพราะอย่างที่เราได้เรียนรู้มาแล้วว่า หลายคนติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเล็กน้อยจนไม่สังเกต การตรวจวินิจฉัยซิฟิลิสมีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุดและแม่นยำที่สุดคือ “การตรวจเลือด” ด้วยการตรวจเลือดหาเชื้อซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

  • การตรวจแบบคัดกรอง (Non-treponemal test)
    เป็นการตรวจแบบง่ายๆ รวดเร็ว และราคาไม่แพง วิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ การตรวจ VDRL (Venereal Disease Research Laboratory) และ RPR (Rapid Plasma Reagin) การตรวจแบบนี้จะให้ผลออกมาเป็นตัวเลข ถ้าผลออกมาเป็น “บวก” หรือมีตัวเลขสูง แสดงว่าน่าจะมีการติดเชื้อ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ 100% เพราะบางครั้งอาจมีผลบวกปลอมได้ เช่น ในผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคอื่นๆ บางชนิด
  • การตรวจคัดกรองให้ผลบวก (Treponemal test)
    การตรวจแบบนี้จะจำเพาะกับเชื้อซิฟิลิสมากกว่า วิธีที่นิยมใช้ คือ การตรวจ TPPA (Treponema pallidum Particle Agglutination) หรือ FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption) ถ้าการตรวจแบบนี้ให้ผลบวกด้วย แสดงว่ายืนยันแล้วว่าติดเชื้อซิฟิลิสจริงๆ

การตรวจเลือดนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เหมือนกับการตรวจเลือดทั่วไปที่วัยทองทุกท่านคุ้นเคยกัน แค่เจาะเลือดจากเส้นเลือดดำที่แขน ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที ไม่เจ็บมาก และไม่ต้องเตรียมตัวอะไรพิเศษ ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องงดน้ำ กินยาประจำวันได้ตามปกติ ผลการตรวจจะออกมาภายใน 1 – 2 วัน สำหรับการตรวจคัดกรอง และอาจใช้เวลาอีก 2 – 3 วันสำหรับการตรวจยืนยัน โดยคุณหมอจะโทรแจ้งผล หรือนัดมารับผลตามที่ตกลงกัน ถ้าผลออกมาปกติ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ถ้าผลออกมาผิดปกติ หมอจะอธิบายให้ฟังว่าติดเชื้อมากน้อยแค่ไหน และจะรักษายังไง

นอกจากการตรวจเลือดแล้ว…ในบางกรณีหมออาจจะตรวจวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น ถ้ามีแผลที่น่าสงสัย หมออาจจะเก็บตัวอย่างจากแผลมาตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบพิเศษเพื่อมองหาเชื้อซิฟิลิสโดยตรง วิธีนี้จะให้ผลรวดเร็วมาก ได้ผลภายในวันเดียว แต่ต้องมีแผลที่เห็นได้ชัดเจนถึงจะทำได้

สำหรับคนวัยทองที่มีอาการทางระบบประสาท เช่น เซ เวียนศีรษะ ปวดหัวบ่อยๆ จำไม่ได้ หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป หมออาจจะสั่งตรวจน้ำไขสันหลัง เพื่อดูว่าเชื้อซิฟิลิสเข้าไปถึงระบบประสาทหรือยัง การตรวจนี้อาจฟังดูน่ากลัวสำหรับวัยทอง แต่จริงๆ แล้วปลอดภัยมาก หมอจะฉีดยาชาเฉพาะที่ให้ก่อน แล้วใช้เข็มเล็กๆ เจาะเอาน้ำไขสันหลังมาตรวจ ใช้เวลาไม่นาน และไม่เจ็บมาก

สิ่งสำคัญที่วัยทองต้องรู้ คือ การตรวจหาเชื้อซิฟิลิสควรทำเป็นประจำ โดยเฉพาะถ้าเรามีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย โดยออยลี่ขอแนะนำให้วัยทองที่มีพฤติกรรมเสี่ยงควรตรวจทุก 3 – 6 เดือน สำหรับคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง และตรวจปีละครั้งสำหรับคนทั่วไป

สถานที่ตรวจรักษาที่แนะนำ

และสำหรับคุณผู้อ่านและเพื่อนๆ วัยทองคนไหนกำลังมองหาสถานที่ตรวจและรักษาที่น่าเชื่อถือ เราก็ได้มีการไปเสาะหาพื้นที่ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดมาฝากทุกๆ คนอีกเช่นเคย

  1. พื้นที่กรุงเทพมหานคร

สถานที่แรกที่ออยลี่อยากแนะนำวัยทอง คือ โรงพยาบาลรัฐบาลต่างๆ ที่มีแผนกตรวจรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะ เช่น โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่นี่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อุปกรณ์ทันสมัย และค่าใช้จ่ายไม่แพง 

นอกจากโรงพยาบาลใหญ่แล้ว ศูนย์วิจัยโรคเอดส์และโรคติดเชื้อ สภากาชาดไทย ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมาก ที่นี่เป็นศูนย์กลางความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีบริการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ และมีการให้คำปรึกษาที่ดี บุคลากรที่นี่เข้าใจและให้ความเป็นกันเองกับผู้ป่วยทุกวัย โดยผู้ที่เข้ารับการรักษาสามารถแจ้งไม่เอยนามใดๆ โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บเป็นความลับให้กับคุณอย่างดีมาก

  1. พื้นที่ต่างจังหวัด

สำหรับเพื่อนๆ วัยทองที่อยู่ต่างจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัดต่างๆ ก็มีบริการตรวจรักษาซิฟิลิสเช่นกัน และหากวัยทองท่านใดต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็มีคลินิกเอกชนที่ให้บริการตรวจรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะ แต่ขอแนะนำให้เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีชื่อเสียงดี ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ แต่มีข้อดีเรื่องความสะดวกและความเป็นส่วนตัว

สำหรับค่าใช้จ่ายการตรวจซิฟิลิสที่โรงพยาบาลรัฐโดยทั่วไป ออยลี่เองมองว่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับได้ ส่วนการรักษาหากตรวจพบว่าติดเชื้อ ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาซิฟิลิสส่วนใหญ่ไม่แพง และมีประสิทธิภาพสูง ถ้าเพื่อนๆ มีสิทธิ์การรักษาต่างๆ เช่น สิทธิ์ข้าราชการ สิทธิ์ประกันสังคม หรือสิทธิ์หลักประกันสุขภาพ ก็สามารถใช้สิทธิ์เหล่านี้ได้

สรุป

ซิฟิลิส เป็นโรคที่น่ากลัวจริงๆ เพราะมันค่อยๆ ทำลายร่างกายเราจากข้างใน โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวอย่างที่ออยลี่บอก โดยมี 4 ระยะการดำเนินโรคเริ่มจากแผลเล็กๆ ที่อาจไม่เจ็บ ไปจนถึงการทำลายอวัยวะสำคัญต่างๆ รวมถึงสมอง หัวใจ และระบบประสาท ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป อาจนำไปสู่ความพิการ หรือแม้แต่เสียชีวิตได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “วัยทองป้องกันซิฟิลิสได้และโรคนี้รักษาหายขาดได้” ถ้าวัยทองตรวจพบและรักษาทันเวลา การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ การรู้จักคู่นอน การตรวจสุขภาพประจำปี และการดูแลสุขภาพโดยรวม จึงเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

ท้ายที่สุดนี้…ออยลี่หวังว่าวัยทองทุกๆ ท่านจะมีสุขภาพที่ดี มีความสุขในชีวิต และมีความรักที่ปลอดภัย เพราะไม่ว่าคุณผู้อ่านจะอายุเท่าไหร่ การมีชีวิตที่มีความสุขและปลอดภัยเป็นสิทธิ์ของเรานะคะทุกคน เหมือนกับ…

สุขภาพดี… ต้องคู่กับดีเน่ DNAe ผลิตภัณฑ์เพื่อคนวัยทอง…